04 พฤศจิกายน 2549

Numthang simple forum research (ลาก่อน blogspot)

ที่มาของ เว็บบอร์ดนี้ เกิดจากบอร์ด ของทางรักลูก http://www.raklukefamilygroup.com/webboard/forum.php?id=17 มีปัญหาและกำลังจะปิดตัว ก็เลยมีความคิดว่างั้นเดี๋ยวเปิดพื้นที่ใหม่ให้ซะเลย ก็รอๆ ดูทีท่าก่อน สุดท้ายมันก็ไม่ได้ปิดจริงๆ โดน feedback ถล่มกระจาย แต่ก็นึกสนุกอยากทำอยู่ดีก็เลยทำ เพราะตัวเองเกิดมายังไม่เคยทำ webboard เองเลยสักครั้ง ทั้งที่มันน่าจะเป็นโปรแกรมซ้อมมือตัวแรกๆ เลย

วันนี้ก็เลยคิดว่าจะย้ายบ้านแล้ว เพราะขี้เกียจเข้าหลายที่ปวดหัว เป็นว่าจะไปเขียนบน webboard ใหม่แทนที่เดียวเท่านั้นที่ simple.mrsjan.com ไปก่อน ก่อนที่จะย้ายอีกครั้งหนึ่ง ไปที่ numthang.org ที่จะทำเป็นอันดับถัดไป ค้างมาเกือบปีแล้ว เพราะสิ่งที่เขียนมันอาจจะผิด target group ไปหน่อยสำหรับ webboard นี้ ที่เค้าเอามาขายของกัน จะทำจริงๆ แล้ว และจะยกเลิกรับงานเขียนโปรแกรมทั้งหมด ตอนนี้ก็เหลืออีก 2 งาน ปิดท้ายงาน ibn เป็นชิ้นสุดท้าย จะได้มาทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ สักที รายได้ไม่มีก็ช่างหัวมัน

MrsJan
4 พ.ย. 2549

31 ตุลาคม 2549

พิชิต ibanking ด้วย opera หรือ ie4linux

ถ้าใครเคยใช้ ibanking ของธนาคารกรุงเทพ และเป็นยุค พ.ศ. สมัยนี้แล้วเนี่ยคงจะหงุดหงิดไม่น้อย ถ้าเราไม่ได้ใช้ ie เป็น default web browser โดยเฉพาะถ้าใช้ linux แล้วเนี่ยเป็นการปิดประตูตายโดยสิ้นเชิง แต่วันนี้มีช่องทางใหม่ๆ ให้เลือกตั้ง 2 ทางแหนะ คือ

1. ใช้ opera web browser ปลอมตัวเป็น ie ก็ไปหา opera มาลงตามปกติ แนะนำเป็น รุ่น 9.02-20060919.6 เพราะว่าเคยใช้ก่อนหน้านี้มันไป dependency กับ packge libqt ของ debian แต่รุ่นนี้ depend รุ่นของ libqt ได้ถูกรุ่นพอดีสำหรับ Ubutu แล้วก็กำหนดค่าตามรูป

2. ใช้ ie4linux การติดตั้งแสนง่ายสุดขีด เข้าไปที่ http://www.tatanka.com.br/ies4linux/page/Main_Page เลือกหา instruction ที่ตัวเองใช้อยู่แล้วก็ทำตามนั้นอ่ะ มันจะ download install ให้เรียบร้อยเลย เสร็จ ไม่ต้องแก้อะไรทั้งสิ้น ขนาด file install ประมาณ 16 M แถมลง flash ให้ใช้งานได้เรียบร้อยเลย ถ้าได้ media player ก็จะสวยงามแบบสุดๆ


ถ้าเข้า ibanking จะใช้ opera แทน เพราะคนใช้น้อย ไม่ค่อยกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่ที่สำคัญสุดๆ เลยคือ เวลาเทสงานบน ie ไม่ต้องไปหา windows ให้วุ่ยวายอีกแล้ว เย่ wine จำลอง ie ได้เหมือนจริงเลยทีเดียวเชียว

ก็ไม่รู้ทำไมยุค พ.ศ. นี้แล้ว ibanking ของ bbl ล้าหลังอย่างรุนแรง ที่ไม่ยอมให้ใช้ browser อื่นนอกจาก ie แต่สุดท้ายเราก็มาลักไก่หาทางใช้มันจนได้ โดยที่ไม่เห็นถึงความจำเป็นด้านความปลอดภัยอะไรอย่างที่มันอ้างแม้แต่น้อย หรือการ support program จริงๆ แล้ว ie นั่นแหละช่องโหว่มากที่สุด เง่าจริงๆ

24 ตุลาคม 2549

ลิ่วล้อไม่เข้าใจประชาธิปไตยฉันใด ทหารก็ไม่เข้าใจประชาธิปไตยฉันนั้น

หลังจากผ่านงานสมัชชาสังคมไทยไปหมาดๆ เริ่มเห็นมีทหาร แสดงความไม่พอใจต่อการยั่วยุมากขึ้น เริ่มมีปฏิกริยาว่าพวกนี้มันท้าท้ายกฏอัยการศึกอย่างไม่ไว้หน้าทุกวันๆ สิ่งที่เป็นห่วงไว้ จะเกิดขึ้นจริง หรือไม่?

จั่วหัวไว้อย่างที่หัวข้อว่าก็ตามนั้นแหละ

MrsJan
24 ต.ค. 2549

17 ตุลาคม 2549

บก. ลายจุด

ระยะเวลา 6 เดือนที่ได้ทำงานกับมูลนิธิกระจกเงา ผมได้รู้จักกับ สมบัติ บุญงามอนงศ์ หรือที่เค้าเรียกกันในนั้นว่า พี่หนูหริ่ง ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดความเป็นมาของที่นี่สักเท่าไรนัก แต่พอจะจับเลาๆ ได้ว่ามีการก่อตั้งจากคนที่แยกตัวออกมาจาก กลุ่มมะขามป้อม ออกมาตั้งกลุ่มศิลปะวัฒนธรรมกระจกเงา ไม่แน่ใจว่ามีใครบ้าง จากการที่ได้จับพลัดจับผลูอีท่าไหนไม่ทราบ กลุ่มกระจกเงาก็แตกขยายใหญ่จนก่อตั้งเป็นมูลนิธิ มีหลายโครงการมากมายจนทำไม่ทัน แต่แล้วก็ไม่ค่อยจะรู้สึกตัวกันสักเท่าไร มุ่งทำโครงการและหาเงินเข้าให้ได้มากแต่ไม่ดูศักยภาพของตัวเอง จนสภาพออกมาเหมือนตำน้ำพริก

ตอนที่ผมเข้าไปใหม่ๆ นั้น ผมพอจะมองเห็นได้เลยว่าใครที่ดูแล้วเข้าท่าในศูนย์แห่งนี้ ผมได้พบเจอกับ พี่หนูหริ่ง ในเว็บบอร์ดของกระจกเงาเอง และได้เข้าไปติดตามอ่านของเก่าๆ ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีสถิติการใช้งานผ่านเว็บบอร์ดมากที่สุด จึงได้มารู้ในภายหลังว่าเคยเป็น ผอ. แห่งนี้มาก่อน ระหว่างนี้กำลังออกไปทำศูนย์อาสาสมัคร tsunami ที่พังงา ซึ่งตัวเองนั้นอยากพบเจอและพูดคุย และก็ได้มีโอกาสจริงๆ แต่ไม่บ่อยนัก เพราะ เขาจะมาที่เชียงรายบ่อยๆ ดูแล้วก็คาดไว้ไม่ผิด คนๆ นี้ดู Active และมีวิสัยทัศน์มากกว่าคนอื่นและชอบมองภาพรวมเป็นระบบ (ไม่ได้บอกว่ามองแล้วดีหรือไม่) แต่จากที่มองแล้วส่วนใหญ่ ยังมีปัญหาแถมยังเรื้อรังซะด้วย

วันนี้หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา เราจึงได้พบเจอกันบ่อยขึ้นอีกครั้งผ่านเว็บไซต์ 19sep.org และ เว็บประชาไท ในนามปากกา บก.ลายจุด จุดยืนของเค้าวันนี้คือต่อต้านคณะรัฐประหาร รัฐบาลทหารทุกรูปแบบ เว็บไซต์ 19sep.org และ 19sep.net ที่ก่อตั้งโดนปิดอีกครั้งในวันที่ 14 ตุลา หลังจากนั้นตัว บก. ลายจุดเอง จึงผ่านความประชดประชันของตัวเองออกมาทาง weblog ส่วนตัวของเขาเอง ที่ปกติแล้วจะไม่ค่อย update เท่าไรนัก แต่จะมาเยอะเอาก็ช่วงนี้

จริงๆ แล้วก็อยากจะตักเตือนผ่านความคิดเห็นออกไปบ้าง แต่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ถ้ามีการโต้ตอบกลับมา เวลานี้คนที่กำลังคิดว่าตัวเองเป็นเสียงหนึ่งที่ต้องการพื้นที่ยืน ในจุดยืน ไม่เอาทหาร ไม่เอาทักษิณ ไม่เอาพันธมิตร เสียงก่นด่าทั้งประนามและหยามเหยียดฝ่ายที่ตัวไม่เห็นด้วย ออกมาด้วยอารมณ์ที่รุนแรง เริ่มปราศจากเหตุผลและขัดกับหลักการณ์ของตัวเองขึ้นทุกที

เสียงหนึ่งที่ตอนนี้มืดบอดและปราศจากความคิดที่รอบคอบเหมือนฝ่ายที่ตัวเองกำลังด่าขึ้นทุกวันๆ ขาดการวิเคราะห์แบบรอบด้านและมองจุดดีของอีกฝ่ายเหมือนกับที่ตัวเองด่ากลุ่มพันธมิตรว่ามองระบอบทักษิณอย่างไม่มีอะไรดีฉันใด ตัวเองก็กำลังทำให้กลุ่มพันธมิตรและทหารไม่เหลือชิ้นดีด้วยฉันนั้น เป็นการยืนคนละขั้วกันแบบขาดสติ อย่างนี้แล้วคนที่ว่าแต่เข้าอิเหนาเป็นเอง อย่างที่คุณด่าว่าทหารนั้น ตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นอยู่หรือเปล่า

ขณะที่คุณกำลังด่าว่าพวกกลุ่มพันธมิตรอยุ่นั้น นั่นคือสถานะของคุณที่ไม่ได้เผชิญความเครียดแบบที่แกนนำพันธมิตรเจอ ในขณะเดียวกันผมก็กำลังวิจารณ์คุณให้เห็นว่า คุณกำลังขาดสติเพราะต้องผจญความเครียดจากการที่เว็บโดนปิด (นี่ยังไม่โดนคุกคามเอาชีวิตนะ) และรู้สึกว่าตัวเองโดนหยามและถูกปล้นอิสระภาพ ถึงจะบอกว่าตัวเองนอนหลับสบายเพราะไม่ต้องนั่งเฝ้าเว็บบอร์ดก็เถอะ (ผมไม่เชื่อคุณหรอก) ผมกำลังวิจารณ์ให้คุณได้เห็นเช่นกันว่าคุณกำลังเป็นอย่างนั้นแหละ เพราะผมไม่ได้มีความเครียดแบบที่คุณเจอ 55

หลังรัฐประหารไม่นาน นานแล้วที่ผมไม่ได้เขียน friendly name บน msn ผมใช้คำว่า "อย่าเปิดช่องให้ลิ่วล้อ" จริงๆ สาน์สนั้นผมไม่ได้ตั้งใจส่งไปหาคุณให้มันไป pop up ให้คุณรำคาญเล่นหรอก แต่เพราะคิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่กี่วัน คุณเอา contact ผมออกไป ผมทราบได้เพราะผมไม่ได้ใช้ msn (gaim) ทำให้เห็นได้ว่า account โดนลบหรือโดน block คุณทำให้ผมเชื่อว่าคุณเองก็ไม่ได้ต้องการเสียงที่แตกต่างด้วยหรือไม่ จนเห็น message ผมเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ

MrsJan
17 ต.ค. 2549

12 ตุลาคม 2549

ลง OS บน Toshiba Dynabook

ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเหมือนหรือเปล่า คือมี Notebook บางเฉียบแต่ไม่มี Cd-Rom ที่ Boot ได้ต่อภายนอก ทำให้ลง OS ไม่ได้ (ง่ายๆ)

ขอท้าวความจากเมื่อปีก่อน เรื่องมีอยู่ว่าไปซื้อ Notebook toshiba มือสองของประเทศญี่ปุ่นเค้ามาเป็นแบบ Ultra portable (แบบบางเฉียบ) แต่ไม่มี Cd-Rom ติดมาด้วย แต่ก็คิดว่าไม่ใช่ปัญหาก็เอามา แล้วไปซื้อ CD-Rom ของ Desktop มาต่อภายนอกแทน แต่ปัญหาคือ Bios ของเครื่องนี้มันจะไม่ Boot แผ่นจากเครื่อง Cd-Rom ที่ตัวไม่รู้จัก คือไม่ใช่ของ Toshiba จะ Boot ไม่ได้ ซวยแล้ว Boot ไม่ได้แล้วจะลง Os อย่างไร

เลยต้องไปหาวิธีซึ่งกว่าจะได้ก็กินเวลาไปเป็นสัปดาห์ ที่ลงไปรอบนั้นไม่ได้ Blog เอาไว้เพราะยังไม่เคยใช้ Blog

เอาวิธีลง Windows ก่อน

ถ้าจะลง Window ด้วย ผมใช้ Floppy Drive ที่ Boot ได้ แน่นอนต้องปะยี่ห้อ Toshiba ด้วย เป็น USB ซื้อหาได้ที่ Pantip ชั้น 4 ตอนนั้นซื้อมาตัวละ 800 บาท (ตอนนั้นเท่าไรก็จ่าย ขอให้ Boot ได้เป็นพอ) ผมใช้วิธีสร้าง ฺBoot disk จาก File ที่มีอยู่แล้วในแผ่น Windows นั่นแหละ หา file ที่ชื่อว่า makeboot.exe สั่ง Run มันแล้วมันจะขึ้นให้ใส่แผ่น Disk เพื่อสร้าง แผ่น Boot ผมลง Windows 2000 ใช้ 4 แผ่น เพราะเป็นตัว License ที่ติดมากับเครื่อง ถ้าเป็น Windows XP มันจะมี file exe สร้างแผ่น Boot ไปหาเอาจากเว็บ Microsoft ได้แล้วก็ Boot เครื่องปกติด้วย Floppy Drive ใส่ครบสี่แผ่นแล้ว มันก็จะหา CD-Rom ที่ต่อภายนอกไว้อีกตัวเจอ แล้วก็ลง Windows ไปตามปกติ

คราวนี้มาที่ตัวปัญหา Linux หลังจาก Kernel 2.6 ขึ้นไปรึไงเนี่ย มันจะจุแผ่น Boot ลง Floppy ไม่ไหวแล้ว พอดีว่าเจ้า Dynabook เครื่องนี้มันมี ฺBoot ผ่าน Lan ด้วย PXE Boot (รู้สึกจะเป็นชื่อ Protocol) ความหวังก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง รอบนี้ผม Upgrade จาก Ubuntu Breezy Badger เป็น Ubuntu Dapper Drake

สิ่งที่ต้องเตรียมใช้ Computer อีกเครื่องหนึ่งที่ลง Ubuntu เอาไว้แล้ว จะ Version ไหนก็ได้ แล้วลง 2 ตัวนี้
- tftpd-hpa
- dhcp3-server
- apache2

ใน /etc/inetd.conf กำหนดดังนี้ รู้สึก Default จะเป็นอย่างนี้แหละ
tftp dgram udp wait root /usr/sbin/in.tftpd /usr/sbin/in.tftpd -s /var/lib/tftpboot

ใน /etc/dhcp3/dhcpd.conf ใส่
subnet 0.0.0.0 netmask 0.0.0.0 {
}

host pxeinstall {
#ใส่ Mac address ของ Ethernet เครื่อง Notebook
hardware ethernet 00:08:0D:17:98:15;
#fix address สำหรับให้ ip กับเครื่อง Notebook อะไรก็ได้
fixed-address 192.168.1.6;
filename "pxelinux.0";
}

เอา file ที่อยู่ใน folder netboot/ ทั้งหมดจาก CD-Rom ไปไว้ใน /var/lib/tftpboot ถ้าหาไม่เจอเข้าไปเอาได้ที่ http://archive.ubuntu.com/ubuntu/dists/dapper/main/installer-i386/current/images/netboot/
เอามาแค่ 3 ตัวก็พอ คือ pxelinux.0 pxelinux.cfg ubuntu-installer

เสร็จแล้ว reboot service ทั้ง 2 ตัว

$sudo /etc/init.d/tftpd-hpa restart
$sudo /etc/init.d/dhcp3-server restart

แต่พอมาถึงขึ้นตอนนี้ผมเจอมาแล้วมันยังไม่สามารถใช้การได้ ผมต้อง reboot เครื่องที่เป็น server ก่อน จึงจะ reboot service นี้ได้ ตอนนั้นก็ทำเอาสติแตกเหมือนกันว่าทำไมไม่ได้สักที

ทีนี้ก็ copy file จาก CD Ubuntu ทั้งหมดไปลงไว้ใน folder ที่เป็น Root ของ Webserver โดย default เลย หลังลง Apache แล้ว Root จะอยู่ที่ /var/www/ จะ copy ไปไว้ที่นี่เลยก็ได้ อันนี้ทำเพื่อให้มันเป็น Local Repository

ต่อมา ต่อสาย Lan แบบ Peer-to-Peer หรือจะแบบไหนก็ได้ให้มันเห็นเครื่องกัน เปิดเครื่อง Notebook แล้วรีบกด F2 ก่อนมันจะเข้า ไป Boot Hdd แล้วมันจะให้เลือก Boot ก็เลือกที่มันเป็นรูป Lan แล้วก็รอมันจะเข้าไปหน้า ฺBoot Screen ของ Ubuntu ตามปกติ พอถึงขั้นตอนเลือก Repositories ให้เลือกแบบ กำหนดเอง แล้วพิมพ์ address ของ ตัว server ไป เช่น http://192.168.1.1/ แต่ถ้าจะดึงจาก Net โดยตรงเลยก็ได้ ใช้ Repository ที่มันมีให้เลือกได้เลย เลือกของไทยจะเร็วดี แต่ Net ต้องแรงพอดูเลย อย่างผมหมดสิทธิ์เลยต้องตั้งเป็น Local Repository แทน

เอามาจาก
http://wiki.koeln.ccc.de/index.php/Ubuntu_PXE_Install

MrsJan
8 ต.ค. 2549

10 วิธีแก้ปัญหาโลกร้อน ง่ายๆ ทำได้ทุกคน

1. เปลี่ยนหลอดไฟ จากหลอดกลมหันมาใช้หลอดตะเกียบแทน เชื่อไหมว่าลดการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี
2. ขับรถน้อยลง หันมาเดิน ขี่จักรยาน บริการขนส่งมวลชน หรือเลือกติดรถเพื่อน ทางเดียวกันไปด้วยกัน แค่นี้ ก็สามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ปอนด์ทุกๆ 1 ไมล์ที่เราลดการขับขี่
3. รีไซเคิลของให้มากขึ้น แค่รีไซเคิลขยะในบ้านเพียงครึ่งหนึ่งก็ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2,400 ปอนด์ต่อปี
4. เช็คลมยาง รักษาระดับลมยางให้เหมาะสม ช่วยประหยัดการใช้น้ำมันได้ถึง 3% และการประหยัดน้ำมันในทุกๆ แกลลอน จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้ 20 ปอนด์
5. ใช้น้ำร้อนน้อยลง เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นแต่ละครั้งใช้พลังงานจำนวนมาก อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นน้อยลง และอย่าเปิดฝักบัวแรงสุด ลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 350 ปอนด์ต่อปี
6.การเลือกซักผ้าในน้ำธรรมดาช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 500 ปอนด์ต่อปี
7. เลี่ยงซื้อสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์สิ้นเปลือง ลดขยะได้ 10% ลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1,200 ปอนด์ต่อปี
8. ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม ปรับตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ 25 องศา ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้โข
9. ปลูกต้นไม้ ต้นไม้ 1 ต้นดูดซึมคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1 ตัน
10. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า แค่เพียงปิดโทรทัศน์ เครื่องเล่นดีวีดี เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เมื่อไม่ใช้ ช่วยโลกลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นพันๆ ปอนด์ต่อปี

MrsJan
8 ต.ค. 2549

Firefox Extensions

Firefox Extensions เป็นส่วนเพิ่มเติมความสามารถของ Firefox ให้น่าใช้ยิ่งขึ้น และยิ่งขึ้นจริงๆ จนติดใจไปใช้เครื่องที่ไม่มี Extension ที่ใช้อยู่แล้วจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างแรง อย่างที่ใช้อยู่ตอนนี้ จะมีอยู่ 3 ตัวคือ

1. Tab Mix Plus - แต่ก่อนจะมาใช้ตัวนี้ก็ไปใช้พวก recovery ต่างหากเจอตัวนี้ตัวเดียว combo หมดเลยตั้งแต่กำหนด Behavier mouse ปุ่มเปิดปิด tab จะวางไว้ทุก tab หรือไว้ที่เดียว ทำให้ scroll mouse tab ได้ สารพัดจนใช้ไม่หมด และพวก setting พวกนี้จะสามารถ export ไว้ได้ด้วยเวลาไปใช้ที่อื่นอาจต้องพกพาไปด้วย
2. Down Them All - อันนี้เอาไว้เติมเต็มเลยสำหรับ download manager ของ firefox ยังไม่ค่อยดีนัก เพราต่อ file ไม่ได้ แต่ตัวนี้ต่อได้ firefox น่าจะรวมตัวนี้ไว้ในตัวด้วยเลย
3. Remider Fox - ใช้สม่ำเสมอเหมือนกันตัวนี้ เอาไว้จดสิ่งที่จะต้องทำเอาไว้เตือนความจำ เพราะปกติ Firefox ต้องเปิดใช้อยู่ตลอดเวลาแล้ว
4. IE Tab - จำลอง Firefox เป็น IE น่าเสียดายที่ support เฉพาะบน Windows เท่านั้น

5. ColorZilla - Pick up สีเจ๋งมากๆ ปกติจะเปิด kcolorchooser มาใช้ช้ามากเพราะเป็น app ของ kde แต่น่าเสียดายไม่รู้ทำไมมันยังไม่ support version ที่ใช้อยู่ 1.5.0.3

6. Firebug - เอามา debug javascript ซะให้เข็ด พวก addon บน browser มันห่วย เห็นว่า debug ajax ได้ด้วย

7. Measureit - เอาไม้บรรทัดไปวัดขนาดบนหน้า browser จะได้ไม่ต้องนั่งเดา pixel ให้เสียเวลา เสียอย่างเดียวพอจะใช้มันแล้ว ลาก cursor จะอืดๆ กะยาก

แค่นี้ก็ IE ก็ตามลอกเลียนแบบไม่ทันแล้ว

หามาใช้ได้ที่นี่
https://addons.mozilla.org/extensions.php?app=firefox

MrsJan
8 ต.ค. 2549

Override apache config

มีอยู่วันนึง servertoday มันเปลี่ยนแปลง php config โดยพลการ จากที่มันเคย register global variable ไว้ให้อยู่ดีๆ มันก็ off ซะเฉยๆ ขอทางแก้มัน มันก็ไม่ตอบเมล์ งานนี้เครียดมากจนต้องปิดเว็บชั่วคราว มาแก้ไข script แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องแก้ไขก็ได้ ใช้วิธี override config ง่ายนิดเดียว (ถ้า Hosting มันอนุญาต ถ้าไม่อนุญาตก็ด่าแม่มันทีนึงก่อนหรือจะหลายทีก็ได้ให้หายโมโหแล้วค่อยๆ มาแก้ไข script ทั้งหมด)

สร้าง file .htaccess ไว้ที่ตำแหน่งที่จะให้ได้ผล ก็ไว้ที่ root นั่นแหละ จะได้มีผลทั้ง site ภายใน .htaccess เช่น

//ถ้าต้องการให้ register global variable
php_flag register_globals on
//สำหรับถ้าต้องการให้เลือกภาษาได้โดย meta tag
AddDefaultCharset off

*** แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ผมก็เลิกใช้ไปแล้วล่ะครับ ไอ้ global variable มันไม่ปลอดภัยเอาซะเลยว่า script เราจะใช้ได้หมดทุกที่ แล้วก็คำนึงถึงความปลอดภัยด้วย (ไม่รู้ช่องโหว่หรอกแต่เห็นมันบอกมาอย่างนั้น ก็เชื่อมัน เพราะมันเป็นคนสร้าง 55)

MrsJan
11 ต.ค. 2549

ต่อเวลาให้ sudo

ผมหงุดหงิดทุกครั้งเวลาใช้งาน sudo แล้วมันจะมีเวลาของมันอยู่ ทำให้ต้องมาใส่ password ซ้ำอีก เมื่อเวลามันหมด ทางแก้คือใส่บางสิ่งลงไปใน /etc/sudoers

Defaults !lecture,tty_tickets,!fqdn,timestamp_timeout=1000

ตัวที่เพิ่มเข้ามาจาก default คือ timestamp_timeout=1000 หน่วยของมันผมก็ไม่รู้หรอกไม่ได้ไปหาอ่านต่อ แต่พอใส่ไป 1000 ก็ยังไม่เคยเจอ timeout อีกเลย อาจจะเป็นนาทีมั้ง ใครทราบก็บอกด้วยละกัน

แต่มันก็ไม่ได้ให้แก้ง่ายๆ นะ เพราะมันอนุญาตให้ root เท่านั้น sudo ก็แก้ไม่ได้ ให้เข้าไปที่ root console โดยพิมพ์ su ก่อนอื่นต้องแก้ไข permission ก่อน ดั้งเดิมจะเป็น 440 แก้เป็น 600 ก็ได้ แก้เสร็จแล้วค่อยแก้กลับเป็น 440 เหมือนเดิม เพื่อความปลอดภัย

แบบละเอียด
$su
#chmod 600 /etc/sudoers
#vim /etc/sudoers หรือ #gedit /etc/sudoers ตามถนัด

ก็เป็นทางเลือกนึงถ้าไม่อยากเอาตัว Password ออก

อย่างง่ายไม่ต้อง chmod อันนี้เพิ่งนึกออกคือ #visudo

MrsJan
11 ต.ค. 2549

11 ตุลาคม 2549

Mysql5+PHP5 Switched (ภาคต่อ ตอน "ปริศนาไขกระจ่างแล้ว")

คราวก่อนเขียนไว้เกี่ยวกับปัญหา mysql5 เรื่องภาษาไทย พบเจอโดยบังเอิญเนื่องจาก Host เช่าที่รับจ้างงานเค้าเปลี่ยนเป็น mysql5 แล้ว export ข้อมูลมันลงมาใส่ mysql5 บนเครื่องที่ใช้งานซึ่งเป็น mysql5 เหมือนกัน ปรากฏว่าใช้งานได้แฮะ เฮ้ยเลยลองมาดู sql ที่ export ออกมามันมี ตัวที่ระบุว่าจะ encoding อะไรต่อท้ายตอนสร้างตารางมาเช่น

CREATE TABLE `test` (
...
) ENGINE=MyISAM AUTO_INCREMENT=277 DEFAULT CHARSET=tis620 AUTO_INCREMENT=277 ;

ตรงที่ระบุไว้ว่า charset=tis620 เป็นตัวบ่งบอกว่าจะให้เข้ารหัสแบบใด มิน่าว่าในส่วนของตัวเก่า export จาก version เก่ามาลงทำไงก็ไม่ได้สักที เสร็จไปขั้นตอนหนึ่ง

ทีนี้เมื่อได้แล้วคราวนี้ลองไปเปิด phpmyadmin version ใหม่ล่าสุด 2.9.0.1 ใช้การได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นปัญหาต่อมาถ้าเราต้องการ fetch ข้อมูลออกมาจาก database โดยตรงเหมือนแต่ก่อนจะไม่ได้แล้ว จะเป็นภาษา ????? ทันที ดังนั้นก่อนจะทำการใดๆ ต้อง query บรรทัดนึงไปก่อนคือ

set names utf8 collate utf8_unicode_ci; หรือถ้าเป็นไทยก็ set names tis620 collate tis620_thai_ci;

แต่สำหรับภาษาไทยต้องระวัง Host นอกอาจจะไม่มี Support ดังนั้นใช้ UTF8 จะปลอดภัยกว่าตอนนี้ผมเปลี่ยนมาใช้ UTF8 แทบจะร้อยเปอร์เซนต์แล้ว อีกอย่างตอนใช้ Linux file อะไรผมก็ save เป็น UTF8 ทั้งนั้น ไม่งอแงเหมือน tis620

เสริมอีกเรื่องการ export สำหรับ version 5 นี้อาจจะต้อง mysqldump อย่างเดียว ตัวอย่าง

การ dump ทั้งหมด
mysqldump -u root -p --default-character-set=utf8 --set-charset=true --all-databases > mysql.sql

การ dump แต่ละ db
mysqldump -u root -p --default-character-set=utf8 --set-charset=true -B mydb > mydb.sql

จริงๆ ตอนใส่ --default-character-set=utf8 ผมยังไม่เห็นความต่างกับไม่ใส่แต่อย่างใด แต่ใส่ไว้ก่อนกันเหนียวไว้ก็ดี

ตอนนี้ก็พร้อมรับมือแล้วสำหรับ version ใหม่ทั้ง php และ mysql อย่าง config อะไรก็เตรียมไว้ปรับเปลี่ยนแล้วเวลา Host มันเปลี่ยนแปลงโดยพลการจะได้ไม่เครียดมาก

*** ไม่ต้องใช้ phpmyadmin 2 version พร้อมกันแล้ว เสร่ออยู่ได้ตั้งหลายวัน

MrsJan
11 ต.ค. 2549

Mysql5+PHP5 Switched

หลังจากลง Dapper Drake แล้วก็เลยทำใจกล้าเป็นหนูทดลองลง PHP5 พร้อมด้วย Mysql5 ที่ตอนนี้ Hosting ในเมืองไทยยังไม่ค่อยกล้าลงกันนัก ด้วยเหตุว่าอาจจะโดนลูกค้าด่ากระจาย ถ้าไม่ทดสอบให้ดีๆ หลังจากปล้ำกันมาหลายวันกว่าจะลง OS ได้แล้วก็อีกหลายวันกว่าจะปล้ำกับ Mysql5 กว่าจะได้ใช้เครื่อง งานเลยค้างตรึมเลย หยุดทำงานไปกว่า 1 สัปดาห์

ปัญหาที่เกิดกับ Mysql5 จากของเดิมที่ผมเจอ คือ

1. เดิมใส่ค่าเป็น float(4,2) ของเก่าใช้งานได้ แต่พอเป็นตัวใหม่ ใส่แล้วค่าที่เกินร้อยจะเป็น 99 หมดเลย เลยต้องแก้เป็น float(10,2) ซะเลย ตัดปัญหา
2. phpmyadmin ตั้งแต่ version ไหนก็ไม่รู้น่าจะเป็น 2.6 ขึ้นไป อาจมีปัญหาภาษาไทยเป็น เครื่องหมาย "????" เลยลองไปขุด 2.3.2 มาใช้ ปรากฏว่าใช้การได้ แต่ตอนนี้เว็บไซต์ผมเป็น Unicode UTF-8 หมดแล้ว แล้ว Version 2.3 นี้มันก็ไม่ Support Unicode เลยต้องไปแก้ Header ของ phpmyadmin ให้มันเลือก Encode เป็น Unicode UTF-8 เสมอ แล้วก็ใช้งานภาษาไทย แต่ปัญหาของมันคือ การอ่านโครงสร้างกับ Mysql5 มันเพี้ยนไปหมดเลย อย่างเช่น Field มัน เป็น Not Null แต่มันอ่านเป็น Null หมดเลย เลยต้องเอา phpmyadmin 2.6 มาใช้สำหรับการแก้ไข โครงสร้างแทน กลายเป็นว่าต้องมาใช้ phpmyadmin 2 version ควบคู่กันไปโคตรตลกเลย
3. ใช้ mysql -A ส่งออกข้อมูล ไม่ได้ซะแล้ว ต้องใช้ mysqldump แทนแต่ปัญหาในที่นี้คือพอ dump ออกมาแล้วภาษาไทยเพี้ยนไปเลย คราวนี้ไม่เป็น "????" แต่เป็น "??€??" ถ้าเลือก encode เป็นไทยแล้วจะเป็นภาษาถั่วงอกทันทีเลย
4. ถ้า export ออกมาจาก mysql5 อาจจะเอาไปใช้กับ 4 ไม่ได้สำหรับบาง Keyword ที่ version 4 ไม่รู้จักต้องมาเอาออกอีก
5. มีคำสงวนเพิ่มขึ้นเดือดร้อนต้องมาแก้ชื่อ field ที่ไม่ตรงกับคำสงวนใน version นี้ เคยเจอคำว่า release จะใช้ไม่ได้แล้ว อันนี้น่ากลัวเพราะ program จะ error แบบไม่รู้ตัว
6. จะลักไก่ ใส่ text ใน int ไม่ได้อีกแล้ว ไม่รู้ว่า Not Null จะศักสิทธิ์ด้วยหรือไม่สำหรับ Version นี้

เอาแค่ที่เจอก่อน แต่แค่นี้ก็อยากจะ Downgrade แล้ว

ต่อมาก็ PHP5 เท่าที่ลองใช้ดู ยังไม่เจอปัญหาใดๆ แต่จะมีปัญหากับ Tinyajax ตัวเก่าที่ทำไว้สำหรับ php4 มันจะใช้ไม่ได้ใน php5 ต้องไปเอาตัว php5 มันมาใช้ แต่ปัญหาคือ Hosting ที่ใช้มันยังเป็น php4 อยู่เลย ตอนนี้ tinyajax ก็เลยใช้ทั้ง 2 อัน เวลาใช้จริงก็ใช้ตัวเก่า เวลาเทสบนเครื่องก็ใช้ตัวใหม่

ก็คงจะไม่ Downgrade แล้ว ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี

สรุป mysql5 จะปัญหาจะหนักกว่า แต่ในส่วนของ php5 ถ้า hosting ส่วนใหญ่เป็น php5 กันหมดแล้วคาดว่าน่าจะ Upgrade ได้เลย

MrsJan
8 ต.ค. 2549

08 ตุลาคม 2549

ฝนตกอีกแล้ว

ปัญหาน้ำท่วมในหลายภาคของประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก ตอนนี้เห็นแล้วน่าเศร้าใจกว่าประชาธิปไตยถอยหลังมากนัก เพราไม่ว่ามันจะเดินหน้าหรือถอยหลังพวกเราก็อาจต้องสูญสลายได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ปัญหาพวกนี้มันจะเกิดขึ้นอีกแน่นอนในปีหน้าและจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ทีละน้อยๆ ในทุกๆ ปี และจะท่วมโลกในที่สุดจากปัญหาโลกร้อน ว่ากันว่าถ้าน้ำแข็งที่ขึ้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้นถึง 6 เมตรเลยทีเดียว ถ้านึกไม่ออกก็ประมาณ Water World นั่นแหละ ถ้าเก่าไปก็อีกเรื่องคือ The Day After Tomorrow แต่เรื่องนี้ให้ภาพในเรื่องโลกร้อนเบาบางมาก แต่ไปให้ความสำคัญกับนิยายแบบ Hollywood

วิธีแก้ไขปัญหานี้ ไม่ยากมากมาย ก็แค่ปลูกป่าเพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการทำลายชั้นบรรยากาศให้มากกว่าที่ได้ทำลายไป แต่กลับเป็นเรื่องยากแล้วสำหรับมนุษย์ที่นิยมหาเงินมาหล่อเลี้ยงอำนาจและชีวิตเป็นกิจวัตร คงจะคิดทำเรื่องพวกนี้ไม่ออกแน่นอน

ถ้าให้เดาถึงการปรับตัวของมนุษย์ในอนาคต คงจะเป็นประมาณว่า พวกเราต้องสร้า้งโดมขนาดใหญ่แบบว่ากันน้ำอย่างดีพร้อมระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ให้มนุษย์ไปอยู่แออัดอยู่ในโดมนั้นแล้วค่อยๆ สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ภายใต้โดมหลังนั้น และที่ร้ายกว่านั้น โดมไม่มีขนาดใหญ่พอที่จะบรรจุมนุษย์ได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องมีบัตรผ่านให้คงเหลือแต่ระดับมันสมองของโลกหรือชนชั้นนำและกลุ่มผู้ร่ำรวยที่มีเงินสร้างมันขึ้นมาเท่านั้น ส่วนพวกมดปลวกอย่างที่เรียกว่าประชาชนตาดำๆ นั้น เชิญผจญการปรับตัวแบบจนๆ ของตัวเองต่อไปตามยถากรรม หรืออีกวิธีหนึ่งคือ อพยพกันไปอยู่ดาวอังคารประมาณ Total Recall นั่นแหละ

ปล. อยากดูเรื่อง An Inconvenient Truth จังเลย

MrsJan
8 ต.ค. 2549

F.... Developer Foundation

อยู่ดีๆ ก็เบื่อคำว่า Freedom ขึ้นมาเฉยๆ อาจจะมาจาก 19sep.org ด้วย เห็นแล้วหมั่นไส้ ที่จริงก็ไม่ได้ชอบมานานแล้ว แต่ไม่ไ้ด้คิดใหม่สักที วันนี้เลยเปิดพจนานุกรม ได้คำที่เป็น Candidate ดังนี้

Feasible
Feather
Feathery
Forgotten
Foggy
Fulfill
Flow
Four
Forth
Flow
Footer
Funny
Function
Fundamental

ตอนนี้ชอบอยู่ 2 อัน คือ Feather อันนี้ชอบเวลาออกเสียงพร้อมกันมันคล้องจองดี แต่ Fundamental ชอบความหมาย แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเพียงแต่เกริ่นนำเอาไว้ก่อน F... Developer

MrsJan
8 ต.ค. 2549

01 ตุลาคม 2549

สงสัยจะดังไม่หยุด

19sep.org กลับมาแล้วหลังจากที่โดนสกัดกั้น เป็นเวลาหลายวัน โดยหนีออกไปใช้ server ที่ต่างประเทศ วันนี้รายต่อไปที่เคยบอกไว้คราวก่อน ออกอาการเดียวกัน คือ http://www.midnightuniv.org/ ที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือ ไม่รู้ว่าจะเป็นการปิดกั้นจากทาง คปค. เองหรือว่าจะเป็นกลั่นแกล้ง จากเหล่าพลพรรคพิทักษ์ไทยรักไทยกันแน่ เพราะอ่านจากบทสัมภาษณ์ บก. ลายจุด แล้ว มีชื่อของ True เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ถ้าเป็นการปิดกั้นจาก คปค. จริง รัฐประหารชุดนี้จะหมดความชอบธรรมในทันที (จากที่เดิมไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว) ในข้อหาไม่รู้จักแยกแยะในเจตนาและไม่ชี้แจงให้ทราบ

ร่ามลงชื่อคัดค้านปิดเว็บมหาลัยเที่ยงคืน ถ้าเชื่อว่าเกิดการปิดกั้นจาก คปค.จริง http://www.ftawatch.org/petition/

MrsJan
1 ต.ค. 2549

28 กันยายน 2549

เข้ากรุงเทพวันที่ 27 ก.ย.

วันนี้เข้ากรุงเทพเอา Notebook IBM ไปส่งมอบให้ลูกค้า ใช้งานได้แค่ 10 เดือน ลาก่อนเจ้าอ้วนดำ หลังจากนั้นแวะเยาฮันซื้อ UPS มาตัวหนึ่งของ Syndome ซึ่งจริงๆ หาทางซื้อสินค้า Online อยู่หลายวัน ตอนแรกจะซื้อผ่านทาง advice.co.th ราคาสินค้าที่นี่ถูกมากเกือบทุกรายการ แต่ระบบของที่นี่ดูแล้วไม่น่าจะเรียกตัวเองว่า Ecommerce เลย การสมัครมีอยู่ว่าต้องส่ง เอกสารสำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านและอะไรอีกไม่รู้ เพื่อเปิดรหัสสมาชิกก่อนจึงจะสั่งสินค้าได้ แม่งโคตรปัญญาอ่อน แล้วยังอื่นๆ อีกมากมาย ตามอ่านได้ที่

http://203.195.103.17/~computerok/advice_ref/feedback/viewfeedback.php?fb_no=Vm0wd2VHUXhUWGROVldScFVtMVNXVll3WkZOVlJscHpXa1pPVjJKSGVGWlZNakExVmpBeFdHVkdXbFpOYmtKVVdWZDRTMk14V25GVWJHUnBWa1phZVZacVFtRlpWMUpJVm10a1dHSkdjRmhaYTFaM1UxWmFkR1ZHV214U2JHdzBWMnRvVjJGV1NuUlZhemxhVmpOb2FGWldXbUZqYkhCSlkwZDRVMkpIZHpCV2EyTXhWREZzVjFOdVVsWmlSMmhvVm1wT2IyRkdXa2RYYlVacVlrWmFlVmRyV25kV01rcEpVV3h3VjFaRmIzZFhWbHByVTBaT2NtRkdXbWxTTW1ob1YxZDBhMVV5VW5OVmJHaHNVakJhY1ZscmFFTlNiRnBZWlVaT1ZXSkdjRnBWVm1oclZqRlplbUZJV21GU1JWcHlXa1ZhWVdSV1NuTlRiR1JUVFRBd01RPT0=

ไปโพสต์บอร์ดมัน แถมมีการตอบจากคนอื่นยังกะหน้าม้า

เออ แล้วก็เลยไปซื้อกับ 7dayit สินค้าเจือกหมดอีก จริงๆ ยังมีอีกหลายเว็บแต่ไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย เว็บก็กะหลั่วๆ เมล์ก็ไม่ตอบ (จริงๆ ถ้าพูดถึงเรื่องการตอบ mail ของพวกเว็บไซต์ในเมืองไทยนี่สงสัยได้พูดกันอีกยก) E-commerce ไทยยังไปไม่ถึงไหนเลยจริงๆ เหมือนจะมีระบบกับเค้า แต่คนยังไม่พร้อมเลย สุดท้ายเลยต้องแบกไอ้ก้อนๆ 6 กิโลกว่า ขึ้นมอไซต์ขนกลับมาฉะเชิงเทรา เซ็งหนึ่ง

กลับมาทุกครั้งที่ต้องทำเลยคืออ่านการ์ตูนเล่มใหม่ๆ One piece เล่ม 41 แล้วอ่านถึงเล่ม 39 ตามหาเล่ม 40 หาเท่าไรก็หาไม่เจอ ไปถามคนซื้อปรากฏว่าเล่ม 40 ยังไม่ได้ซื้อ เซ็งสอง จะอ่านข้ามเล่มก็ไม่เอา เลยหาเรื่องอื่นต่อ โอ้ว นี่เลย "ชัยชนะของมวลมนุษยชาติ" เพิ่งได้อ่านว่ะ ออกมาตั้งกะมาคราวก่อนแล้ว ป่านนี้เล่มหลังจากนี้ก็ยังไม่ออกอีกหรือไงก็ไม่รู้

ไม่รู้ทำไมเรื่องนี้อ่านแล้วอึดอัด หายใจไม่ออกทุกทีเวลาอ่าน คือแบบว่า ไอ้ "เพื่อน" ห่าเหว นี่มันยังไงกันแน่วะ แล้วไอ้เด็กใส่หน้ากากอีก เดี๋ยวๆ ฮัตโตริ เดี๋ยวๆ เคโระ เดี๋ยวๆ อุลตราแมน เดี๋ยวๆ ก็มีอุลตร้าแมนอีกคน เพื่อนเป็น ฟุคเบ ฟุคุเบตายแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนั้นก็ว่า เฮ้ย ทำไมมันตายง่ายนักวะ แต่ยังไม่เชื่อหรอก แล้วไอ้เพื่อนหน้ากากตาเดียวนี่มันตัวเป็ดไรวะ โผล่มาอยู่ได้ ไม่รู้ข้างในมันหน้าตาเป็นไงกันแน่ เดี๋ยวๆ ว่าหน้าเหมือนฟุคุเบ สุดยอดจริงอ่านแล้วอยากเอาปืนไปจี้คนเขียน บอกมึงรีบเขียนตอนจบมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย 55 ประมาณนั้น เหมือนๆ ตอนอ่าน Monster ของผู้เขียนคนเดียวกัน เหมือนกันเลยแต่เรื่องนี้หงุดหงิดกว่า ไม่รู้เรื่องนี้จะเหมือน Monster หรือเปล่า ที่สุดท้ายตอนจบมันก็ยังทำมึนได้อีกต่อไป แต่คิดว่าไม่เพราะเรื่องนี้ยังอ่านพอจับเนื้อจับหนังมันได้มากกว่า

สุดท้ายเห็นเรื่อง Death Note (ชื่อคุ้นๆ) อยู่ 2 เล่มอยู่บนโต๊ะ เปิดไปดูผ่านๆ แล้วน่าอ่านจริงๆ แต่เวลาหมด เลยยังไม่ได้อ่าน ได้อ่านไอ้ "เพื่อน" เล่มเดียว

MrsJan
28 ก.ย. 2549

26 กันยายน 2549

ความเพ้อฝันของตัวเอง

เรื่องใหญ่บางเรื่องสำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับเรา เรื่องใหญ่บางเรื่องสำหรับเราอาจจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับใครหลายๆ คน คราวก่อนบอกไปว่าประชาธิปไตยเต็มใบเป็นเรื่องเพ้อฝัน คราวนี้ก็เลยจะมาสารภาพสิ่งเพ้อฝันของตัวเองดูบ้าง

ความเพ้อฝันเรื่องแรกของผมคืออยากให้ทุกคนได้เข้าถึงอาหารดีมีคุณภาพได้เท่าเทียมกัน ปัจจัยการบริโภค ที่เดี๋ยวนี้สิ่งที่มีคุณภาพจะหามายัดปาก กลับกลายเป็นของราคาสูง ที่จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้สูงกลุ่มนึง ไม่ว่าจะเป็นผักไร้สารเคมี อาหารไร้การปนเปื้อนสารเคมี อาหารไม่ใส่ผงชูรส ถ้าอยากได้อย่างใจคือต้อง ผลิตเองบริโภคเอง แต่กลับกลายเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในเมือง ทำงานหาเงินมาซื้อกินได้อย่างเดียว

ความเพ้อฝันเรื่องที่สองคืออยากให้ทุกคนได้เข้าถึงหลักประกันสุขภาพได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะรวยหรือจน แต่ 30 บาท ตอนนี้ยังไม่ใช่ เรายังต้องช่วยกันผลักดัน แม้ว่าเรื่องการรักษาพยาบาลจะเป็นปลายเหตุไปแล้วก็ตาม

ความเพ้อฝันเรื่องที่สามคืออยากให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้งาน Software ได้อย่างอิสระ ประมาณว่า Software ไม่ว่าจะของฟรีหรือไม่ฟรี จะจ่ายไม่จ่ายมันก็เรื่องของกู ใครอยากจ่ายก็จ่าย ไม่อยากจ่ายก็ไม่ต้องจ่าย ทุกวันนี้ผมใช้งานแต่พวก Free Software แทบทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ผมอาจจะจ่ายเงินบริจาคสนับสนุน พวก Free Software เหล่านี้ มากไปกว่าการเสียเงินซื้อพวก Software จ่ายตังค์ก็เป็นได้

ความเพ้อฝันเรื่องที่สี่ ผมจะปลูกป่าทดแทนสิ่งที่มนุษย์ได้ช่วยกันทำลายชั้นบรรยากาศที่ปกคลุมโลกไว้เพื่อป้องกันภาวะเรือนกระจก และอยากเรียกร้องให้ทุกคนที่กำลังช่วยกันทำลายมันอยู่เวลานี้ในเมืองใหญ่ๆ ช่วยกันแค่คนละต้นเพื่อแทนคนหนึ่งคน ก็น่าจะช่วยกันดูดซับคาร์บอนไดออกไซต์ได้มากโข โลกก็จะปลอดภัยจากหายนะ

ความเพ้อฝันเรื่องที่ห้า ผมจะไม่ยอมให้ใครมาปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันยังไม่ถึงขนาดนั้น

ฝันเรื่องสุดท้าย ผมอยากให้เงินเป็นปัจจัยรอง รองจากปัจจัย 4 ไม่อย่างนั้นมนุษย์จะจมอยู่กับวงจรอุบาทว์ไม่มีที่สิ้นสุด

เรื่องเพ้อฝันเป็นสิ่งที่เราพอจะทำได้บ้าง แต่ก็อยู่ที่เราพอใจและจะอยู่กับมันได้แค่ไหน

MrsJan
26 ก.ย. 2549

22 กันยายน 2549

ความเงียบกำลังก่อตัว

ความเงียบที่ว่ากำลังก่อตัวอย่างเงียบๆ ความเงียบที่ว่ากำลังดังขึ้นเรื่อย ความเงียบที่เราคิดว่าเงียบเป็นความเงียบบนโลกจริง แต่อันที่จริงแล้วความเงียบนั้นไม่ได้เงียบเลย ใน Cyber Space จับตา!!

19sep.org
prachathai.com
midnightuniv.org

MrsJan
22 ก.ย. 2549

รัฐประหารเงียบ

รัฐประหารในคราวนี้ ค่อนข้างแปลก คือ ค่อนข้างเงียบ แม้แต่เสียงนกเสียงกายังหายเงียบ ทักษิณสู้ๆ หายเงียบไปพร้อมๆ กันกับบรรดาอดีต รมต. ทั้งหลายแหล่ เสียงต่อต้านของประชาชนที่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งก็เงียบ นั่นหมายถึงผมจะสรุปไปเลยว่าเสียงเงียบคือการสนับสนุนการรัฐประหาร ทั้งที่ในอดีตคนไทยเคยตั้งแง่รังเกียจวิธีเหล่านี้อย่างมากจนต้องออกมาชุมนุมกันเรือนแสน จนนำมาสู่การปราบปราม กลายเป็นว่าคนไทยนี้แปลกดีไหม เดี๋ยวๆ จะเอานายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง เดี๋ยวๆ ก็จะเอาจากการแต่งตั้ง เดี๋ยวๆ ก็จะเอานายกมาตรา 7 ถ้าอย่างนั้นก็ขอสรุปไปเลยละกันว่าคนไทยเรานั้นจะเลือกคนที่เรายอมรับเท่านั้นและค่อนข้างจะดูแคลนกับสิ่งที่มาจากระบอบประชาธิปไตย (นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง) แต่ไอ้ประชาธิปไตยสกปรกแบบนี้คนไทยก็ไม่ต้องการอีก

จากที่ว่ามาว่าคนไทยเลือกมากและไม่เอาระบบนั้นค่อนข้างจะใช้ไม่ได้เอาซะเลย เพราะว่าคนไทยในเมืองไทยนั้นจะมีอยู่ 2 ฝ่ายเสมอ คือ คนไทยที่เลือกรัฐบาลและคนไทยที่ล้มรัฐบาล คนไทยที่ล้มรัฐบาลในที่นี้หมายถึงชนชั้นกลางในกรุงเทพและกลุ่มชนชั้นกลางในเมืองในต่างจังหวัดเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงรอบนอกด้วยเลย เพราะคนรอบนอกนั้นไม่มีอำนาจมากพอเท่าๆ กับชนชั้นกลางเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น สื่อ ยศศักดิ์ เหล่านี้คนรอบนอกไม่มีเท่า

นั่นหมายความว่าระบอบประชาธิปไตยในเมืองไทยนั้น 1 เสียงของแต่ละคนชักจะไม่เท่ากันซะแล้ว

MrsJan
20 ก.ย. 2549

20 กันยายน 2549

ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ถึงแม้การรัฐประหารครั้งนี้จะสร้างความสาแก่ใจให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยสุดท้ายมันถอยหลังหรือเป็นเพราะสถาบันกษัตริย์และพลังความดีของพระมหากษัตริย์ของเรานั้นเข้มแข็งกันแน่

เป็นไปตามคาดว่า ประเทศลิ่วล้อ ประเทศไร้อารยะและวัฒนธรรม อย่าง อเมริกา นิวซิแลนด์ ออสเตรเลีย จะออกมาประนามผ่านผู้นำกันถ้วนหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน องค์กรสิทธิมนุษยชนสหรัฐอเมริกา (Human Right Watch) ที่ออกอาการดิ้น เพียงเพราะว่ามันผิดหลักการสมัยใหม่ที่ตัวเองไม่เคยมีรากอารยธรรมมาก่อนได้ร่างมันขึ้นมา ถึงแม้ว่าตัวเองจะรู้อยู่แก่ใจว่ารัฐบาลไทยได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างมากแต่ก็ไม่เห็นด้วยที่จะทำการเช่นนี้

ผมเองก็คิดไม่ออกว่าอย่างไหนมันถูกต้องกว่ากัน ระหว่างการรัฐประหารรัฐบาลที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนกับการที่เหล่าทหารออกมาละเมิดเสียเอง ด้วยความคิดที่มัน Recursive กันเช่นนี้ ตัวผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าอะไรคือความถูกต้อง เพราะต่างฝ่ายต่างก็ถูกกันคนละครึ่ง และนี่เป็นสาเหตุแห่งความวุ่นวายของมนุษย์ทั้งหลายนั่นเอง

ตอนนี้องค์กรตามรัฐธรรมนูญก็หมดอำนาจหน้าที่ไปแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าราชการ ข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ผมมามองดูว่ามันช่างคาบเกี่ยวกันจริงๆ เลยว่ามันเหมือนมีการคานอำนาจกันอยู่ของ 2 ระบบ ระหว่างการปกครองแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่คือการปกครองแบบประชาธิปไตยมีรัฐธรรมนูญเป็นตัวกำกับดูแล มันก็เลยออกมาเป็นครึ่งๆ กลางๆ ไม่เต็มใบ อย่างระบอบการปกครองที่ว่า "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข"

แต่ถ้าเรามาดูกันจริงๆ แล้ว การปกครองแบบ Pure Democracy ยังไม่ถึงเวลากับประเทศไทยตั้งแต่ที่เคยคิดไว้แต่แรกแล้ว ไม่เหมือนกันประเทศเกิดใหม่จากการปฏิวัติด้วยพลเรือนและไร้รากของวัฒนธรรมดั้งเดิม

ถ้าเกิดว่าสถาบันกษัตริย์และคุณความดีของพ่อหลวงของเราไม่เข้มแข็ง รับรองได้เลยว่าประเทศนี้โดนยึดไปนานแล้วและอาจจะกลายเป็น Pure Democracy แบบพิกลพิการไปตลอดชีวิต

ภาพจาก Manager
Manager lite version

MrsJan
20 ก.ย. 2549

Gmail กับรัฐประหาร

Gmail มันเพิ่มประสิทธิภาพให้น่าใช้อีกแล้ว หลังจากที่ต้องส่ง mail childhood@mrsjan.com ให้ส่ง From address จาก mrs.jan@gmail.com อยู่นาน เหตุที่ใช้ smtp ของ gamil เพราะ smtp ของ gmail นั้นเชื่อถือได้ ค่อนข้างสูงมาก ว่าผู้รับจะได้รับเมล์จากเราแน่นอน ใช้ของตัวเว็บไซต์เองส่งหา hotmail ไม่เข้าเลย เหมือนมันจะ non-trust smtp ที่ไม่ค่อย secure เท่าไร

ตอนนี้ Gmail มี feature ใหม่ ให้เราสามารถเพิ่ม email address ได้แล้วว่าจะให้เลือกส่งจากใคร แต่ต้องไป register กัน 2-3 step ค่อนข้าง secure น่าดู เจ๋งว่ะ

ปล. เออ แล้วรัฐประหารมันเกี่ยวไรด้วยวะ

งั้นว่ากันซะหน่อย

"ปฏิวัติ" หมายถึง การยึดอำนาจโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ อาจมีหรือไม่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และรัฐบาลใหม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลฐานระบอบการปกครอง เช่นเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย หรือคอมมิวนิสต์ ฯลฯ

ส่วน "รัฐประหาร" หมายถึง การยึดอำนาจโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงใช้รัฐธรรมนูญฉบับเก่าต่อไป หรือประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่นานนัก

ในประเทศไทยถือได้ว่ามีการปฏิวัติ เกิดขึ้นครั้งแรกและครั้งเดียวคือ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 โดยคณะราษฎร จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย และมีการกบฏเกิดขึ้น 12 ครั้ง และรัฐประหาร 8 ครั้ง

MrsJan
19 ก.ย. 2549

13 กันยายน 2549

หยุดพักงานวันที่ 14 นึกหัวข้อไม่ออกนึกอะไรก็เขียนอย่างนั้น

เอ้อ พรุ่งนี้พักงาน 1 วัน ตาลายชะมัด ทำงานวันละหลายๆ ชม. ติดๆ กันหลายวันแล้ว งานเยอะจนไม่อยากรับแล้วเว้ย แต่เงินก็ยังต้องใช้ พักมาอ่านข่าวบ้าง ทุกวันนี้เบื่ออ่านข่าวชะมัด ไม่มีเรื่องอะไรนอกจาก เรื่องอ้ายบ้าว่ามันจะอยู่ จะออก จะเว้นวรรค ไม่เว้นวรรค จะหนี จะปฏิวัติ จะชอบปิ้ง จะไปตีกอล์ฟ ไปขี้ ไปเยี่ยว แม่มน่ารำคาญ ก็ไม่อยากไปให้ความสำคัญกับมันมากนักหรอก แต่ยังไงตอนนี้ข่าวที่ขายได้ก็ละครการเมืองนี่แหละ พวกพ่อบ้านชอบนัก

น่าสงสาร สงสารตัวเอง ตัวมนุษย์ ตัวเหี้ย อะไรก็ได้ว่ะ ที่มันต้องอยู่กับโลกนี้ต่อไป ทนเห็นความหน้าด้าน ไม่ละอายต่อบาป ของพวกสัตว์เศรษฐกิจทั้งหลาย ไม่ว่าจะประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ สังคมนิยม เศรษฐศาสตร์แบบพอเพียง อะไรก็แล้วแต่ โดยตัวทฤษฎีมันก็ดีทั้งนั้นแหละ แต่พอมันไปอยู่ในมือคนชั่ว มันกลับกลายเป็นสิ่งที่เป็นปัญหา ก็น่าเสียใจแทน จอห์น ล็อค, คาร์ล มาร์ค หรือ แม้แต่พ่อหลวงของเรานั้น ที่ล้วนแล้วแต่หวังดี และมีจิตอันแรงกล้าของความเป็นเพื่อนมนุษย์ ที่ได้พร่ำเพียรคิดค้นระบอบนู้นนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะให้สังคมได้อยู่กันอย่างสงบ อย่างที่มนุษย์ควรจะอยู่กัน แต่กลายเป็นว่าทุกวันนี้ สิ่งเหล่านี้นั้นกลับกลายมาเป็นข้ออ้างของพวกบ้าอำนาจ ที่ด้านหนึ่งพยายามจะบูชามันสุดลิ่มทิ่มประตูเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองนั้นทำตามกติการะบบระบอบเหล่านั้นที่คนเค้ายอมรับกัน ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นก็พยายามจะทำลายมัน อาจจะด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ด้วยความที่ตัวเองอยากจะเป็นใหญ่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงทำได้ทุกวิถีทาง

พวกคนชั่วช้าเป็นแบบนี้ทั้งนั้นไม่ว่าโลกจะผ่านไปกี่ร้อยปีแล้วก็ตาม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เวลานี้กลัวแต่ว่าจะหลงประเด็นกัน ไม่ว่าจะ กกต. ใหม่ หรือจะเลือกตั้งกันอีกซักกี่หน เราก็ต้องอยู่กับพวกคนชั่วพวกนี้อีกต่อไปวันยังค่ำ แถมอ้างได้อีกต่างหาก เวลานี้จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากกดดันตามท้องถนนหนแห่งที่พวกคนชั่วช้าเหล่านั้นเดินทางไป ให้มันได้ละอายและเกรงกลัวต่อบาปบ้าง

MrsJan
13 ก.ย. 2549

04 กันยายน 2549

Ubuntu Sticker จาก ubuntuclub






ไปขอมาจาก Ubuntuclub.com ลายเขียนเปื้อนไปหน่อยคาดว่าเปียกระหว่างเดินทางมา ซองมีรอยเปียกชื้นเบ้อเร้อ T_T แต่อัน Kubuntu ชัดแจ๋วสวยงามดี

MrsJan
04 ก.ย. 2549

27 สิงหาคม 2549

"โง่ขยัน" (Foolish Effort)

ทนอารมณ์ขำขันไม่ไหวเลยมาเขียน วันนี้ได้ศัพท์ใหม่ที่ถูกใจเป็นอย่างมาก จากข่าวการร้องขอชิวิตหมาขี้เรื้อน (ไม่ได้ตั้งใจจะเหยียดหยามคุณสุนัข เป็นแค่สำนวนเปรียบเทียบเท่านั้น) หน้าบ้าน ป๋าเปรม พลตรี จำลองเรียกพวกนี้ว่าพวก "โง่ขยัน" ถ้าไปสนามรบแล้วมีพวกนี้เป็นพวกต้องยิงทิ้งอย่างเดียว เห็นอย่างนี้ก็ได้แต่สงสารนายของมัน เป็นคำเปรียบเปรยได้สะใจและโดนใจจริงๆ ผมเลยเปลี่ยนมานิยมแทนคำว่าลิ่วล้อ หุหุ

ช่วงนี้พวกโง่ขยันออกข่าวกันไม่ขาดสาย วันนี้ได้ข่าวมี ส.ส. ตัวหนึ่ง จากอุดรธานี เค้าว่า ตอนที่ชาวบ้านได้ทราบข่าว ชาวบ้านนับแสนพากันร้องห่มร้องไห้ บอกถ้าตำรวจไม่สามารถปกป้องหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งได้ พวกเค้าจะดาหน้าออกมาเป็นเกราะป้องกันให้เอง ทำให้ เจ้า ส.ส. ตัวนี้ ได้ออกมาบอกถึงความจำเป็นที่จะต้องตั้ง อาสาสมัครชมรมพิทักษ์สุนัขขี้เรื้อน ...............

ท่องไว้ๆ ประชาธิปไตยๆ วันที่ 15 ตุลา ไปเลือกตั้ง อยากเลือกก็เลือก ไม่อยากเลือกก็ไม่ต้องเลือก ท่องไว้ๆ เลือกตั้งๆ ท่องไว้ๆ เหมือนกับที่ผ่านๆ มา

MrsJan
27 ส.ค. 2549

15 สิงหาคม 2549

Ajax คืออุดมคติของ Web Application

กิจวัตรใหม่ช่วงนี้ ทุกเช้าต้องตื่นมารดแปลงผัก ตอนนี้ผักบุ้งกำลังงอกงามดี พร้อมด้วยบริวารหรือกาฝาก ที่งอกงามเขียวขจีเหมือนเงาตามตัว ทำให้ต้องมานั่งหลังขดขาแข็งดึงมันออกอย่างน่าเบื่อ ยิ่งเด็ดเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะมองไปทางไหนก็จะเจอะเจอมันอยู่ทุกตารางนิ้ว ส่วนผักคะน้าไม่รู้ทำไมหลายวันแล้วต้นยังอยู่เท่าเดิม ไม่เหมือนคนอื่น ต้นฟักทองใบใหญ่ขึ้นทุกวัน น่าตื่นตา ถ้าประสบความสำเร็จได้กินเมื่อไรจะทำเป็นบันทึกผลงานชิ้นแรก แต่ถ้าไม่สำเร็จก็จะทำเงียบๆ ไว้ หึหึ

วันนี้เกริ่นๆ เรื่อง Ajax ซักหน่อย ที่จริงก็ขี้เกียจที่จะศึกษามัน อยากจะทำแต่งานง่ายๆ ที่เคยทำ แล้วเอาเวลาไปหัดสร้างบ้านกับปลูกผัก แต่งานที่รับมาหนนี้ถ้าจะหนีมันไม่พ้น ความเพราะว่าหน้านึงต้อง Load ข้อมูลจำนวนมาก แล้วก็ต้องการการ Interactive แบบ Real time ทำให้ต้องศึกษามันจนได้ ยังไงก็คงหนีมันไม่พ้นสักวันก็เลยตัดสินใจศึกษามันในงานครั้งนี้ซะเลย

Ajax มันทำให้ Javascript น่าสนใจขึ้นอีกมาก จากที่ดั้งเดิมไม่ค่อยชอบใช้มันเท่าไรนักเพราะมันทำให้ Code รก แล้วมันทำให้ Web ดูไม่ค่อย Simple เท่าไร แต่ทุกวันนี้เราต้องการ ทำให้ Web Application ทำงานได้คล้ายคลึงกับ Desktop Application ดังนั้นเจ้า Javascript ให้คำตอบตรงนี้ได้ เพราะเป็นการทำงานแบบ Client-Side แต่ปัญหาของมันคือไม่สามารถดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลโดยตรงได้ (ทำได้แต่แบบอ้อมๆ) แต่ Ajax สามารถทำสิ่งนี้ได้

เชื่อได้เลยว่า Ajax เป็นก้าวใหม่ของ Web Application โดยแท้ เพราะแค่นั่งคิดเอาเล่นก็สามารถเอาไปประยุกต์ได้อีกร้อยแปดแล้ว ยกตัวอย่างที่เคยอยากได้นักหนามานานแล้ว คือ โปรแกรมสนทนาบนเว็บไซต์แบบ Google Talk บนเว็บไซต์ gmail.com มันเจ๋งจริงๆ อยากให้มีบน Tric จะได้ไม่ต้องมีการบอกให้ Online พวก IM ภายนอก อย่าง ICQ, MSN ก็สามารถคุยกันได้แล้วเพียงเข้ามาที่ Tric ที่เดียวเท่านั้น เข้ามาทำงานได้ สนทนาระหว่างบุคคลในองค์กรได้ เป็นอันจบ มันยอดจริงๆ

ส่วนอีกเรื่องนึงคือ อย่างเวลาติดต่อกับพวก Payment Gateway อาจจะสามารถซ่อนค่าต่างๆ ได้มากกว่านี้ ก็อาจจะเป็นได้

สรุปว่างานนี้ค่าจ้างอาจจะไม่คุ้มเหนื่อย แต่ได้ใช้เทคนิคใหม่ๆ หลายอย่างก็พอจะเอามาชดเชยกันได้บ้าง

MrsJan
15 ส.ค. 2549

11 สิงหาคม 2549

ไปซะแล้ว

วันนี้ตื่นเช้าเป็นพิเศษเนื่องจากว่าต้องลงมาส่งเพื่อนที่คิดไว้ว่าจะได้มาช่วยทำบ้านสวนเล็กๆ กัน แต่แล้วมันก็ต้องสะดุดนิดหน่อย เพราะ ตอนนี้ก็เหลือเพียงสองคนตายายอีกแล้ว เคยถามกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่า เค้าจะอยู่ได้สักกี่เดือน เพราะปกติเธอจะเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่ที่ไหนได้นานๆ อยู่แล้ว ก็ดูเหมือนว่าคราวนี้จะสั้นที่สุดหรือเปล่าเพราะกินเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 2 สัปดาห์

เพื่อนคนนี้เป็นคนที่เคยทำงานด้วยกันตั้งกะตอนอยู่เชียงราย บางทีเธอก็เงียบ บางครั้งเธอก็จะเฮฮา บางครั้งเธอก็จะพูดไม่หยุด เหมือนเธอมีอะไรในใจแล้วไม่สามารถนำไปพูดกับใครเค้าได้ ความเพราะเธอเป็นคนที่ อืม บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน ถ้าจะให้มองๆ ดู เธอจะชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับ การปฎิวัติเมื่อครั้งกระโน้น ในยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน ทำให้มีแนวความคิดจะออกไปทางสังคมนิยมหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ดูเธอหลงไหลเวียดนามนัก หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เธอก็ลาออกไปก่อนพวกเราประมาณ 2 เดือน ออกไปอยู่คนเดียวกลางป่าเขาที่เชียงดาว

หลังจากที่พวกเราได้มาอยู่ที่แปดริ้วแล้ว เริ่มทำงานสวน จึงมีความคิดที่จะหาคนมาช่วยงานเพื่อจะได้งานที่เร็วขึ้น ก็นึกถึงคนๆ นี้เป็นคนแรก ก็ตะล่อม Email ไปสอบถามดูว่าสนใจไหม การ Email ไปในครั้งนั้น เราเขียนกันไปมาอยู่หลายครั้ง กว่าที่เธอจะมาถึงได้ก็กินเวลานานเกือบ 2 เดือน เธอขี่รถมอเตอร์ไซต์จากเชียงราย แวะมาช่วยงานมูลนิธิที่อุตรดิตย์ หลังจากนั้น ก็ขี่มาถึงกรุงเทพ เธอทำธุระอีกประมาณ 2 สัปดาห์ก็มาถึงบ้านของเราที่แปดริ้ว เรียกได้ว่าเราก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าเธอจะมีเรื่องให้เปลี่ยนใจกระทันหันอะไรหรือเปล่า แต่ในที่สุดก็มาจนได้ ก็รู้สึกประหลาดใจ ปนดีใจอยู่นิดๆ

ใช้เวลาไม่นานจนถึงวันนี้ เธอขี่มอเตอร์ไซต์คู่กายสู่มุกดาหารบ้านเกิด แรงงานคนสำคัญของเราต้องไปอีกแล้วด้วยเหตุจำเป็นทางบ้านบางประการ คงเป็นครั้งแรกกับความรู้สึกของคนที่ต้องอยู่ต่อไปเมื่อมีคนมาช่วยทำงานแล้วก็ไป ว่ามันรู้สึกอย่างไรก็วันนี้เอง

MrsJan
11 ส.ค. 2549

06 สิงหาคม 2549

ปัญหา font ไทย บน firefox ยังคงต้องแก้ไขกันตลอด

ติดพันงาน Freelance ของที่ทำงานเก่ามาหลายวันแล้ว เว็บตัวเองก็ไม่ได้ทำต่อสักที T_T เห็นว่ายังไงก็ทำไม่ทัน Due Date วันพรุ่งนี้อยู่แล้ว ;p เลยนอกเรื่องมาเขียนสักหน่อย

พอดีทำเครื่องให้เพื่อนใช้งาน เจอปัญหาเดิมกับ firefox ที่ยังไงก็หยิบมาใช้เลยไม่ได้สักที วันนี้ลง Ubuntu Edgy Eft (หรือ Elf Efl Eltอะไรสักอย่าง) ตัว firefox ก็ยังมึปัญหากับ font thai อยู่ดีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซี่งถึงแม้ว่าจะมึ package thai ttf ของ tlwg (Thai Linux Working Group) รวมมาให้แล้วก็ตาม แต่ปัญหามันก็ดันเป็นเพราะไอ้เจ้า package นึ้นั่นแหละ เวรกรรม

ปัญหาเมื่อลงเสร็จเรึยบร้อยแล้ว อย่างแรกเลย ตัดคำไทยก็ยังไม่ติดมาสักทีสำหรับ version นึ้ ต้องลงตัดคำไทย ก่อน โดยลง libthai กับ pango-libthai ลงเสร็จแล้วตรวจสอบโดยเข้าไปทึ่เว็บแหกยอดนิยม manager.co.th
ถ้าอ่านได้โดยเว็บไม่แหกก็ OK

อึกปัญหานึงคือ บางหน้าภาษาไทย มันจะยึกยือๆ ไม่ได้อยู่แนวเดียวกัน ลองเข้าไปดู google.co.th ตัวหนังสือไทยบน tab bar ก็จะเป็นเหมือนกัน ลองค้นหาดูว่ามึ package ttf อยู่หรือไม่ สั่ง dpkg -l | grep thai ถ้าเจอพวก thai-ttf ให้เอาออกไปเลย ตัวนี้ที่ผมลงเอาไว้ จะมี thai-ttf-tlwg ติดมาด้วยพอเอาออก ก็หายเลย แต่อาจต้องเอา ubutu-desktop ออกด้วยเพราะมัน dependency กัน ไม่รู้ไว้ทำอะไรเหมือนกัน

อีกเรื่อง อันนี้ทำเพื่อความสวยงาม ไปเอา font บน windows มาใช้ ที่ชอบใช้ประจำเลยก็ Microsoft Sans Serif กับ Tahoma แต่จะใช้ Tahoma มากกว่า ก็กำหนด Default Font ไว้บน Firefox เป็น Tahoma เลย ผมว่ามันสวยงาม อ่านง่าย และดูเป็นมาตรฐานที่สุด โดย copy file .ttf ไปไว้ใน /usr/share/fonts/truetype เลย

* ปิด firefox แล้วเปิดใหม่ทุกครั้งที่ทำอะไรลงไป ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ Update

MrsJan
6 ส.ค. 2549

17 กรกฎาคม 2549

แวะทำเว็บสักหน่อย

ได้เริ่มทำ Numthang จริงๆ จังๆ ซักที เหตุเพราะว่าต้องการจะเปิดร้านใหม่ไปพลางๆ ก่อน ระหว่างขุดดิน ถางหญ้า ทำให้ต้องกลับมาทำเว็บก่อน ทีนี้ดูไปดูมา กะไว้ว่าจะทำเป็น Static Page แต่ดูไปดูมามันก็ไม่ค่อยจะสะดวกในการทำงานเท่าใดนัก พอจะทำเป็น CMS ไอ้ครั้นจะทำห่วยๆ ใช้เฉพาะเว็บเราเอง มันก็ไม่น่าทำอีก งานนี้เลยคิด Project ใหม่ คือ จะทำเป็น CMS แบบมาตรฐานให้คนอื่นเอาไปใช้ได้ด้วยซะเลย ลักษณะการอ่าน Template ยังคงใกล้เคียง Template เดิม ที่เคยทำใน TRIC เพราะคิดดูแล้ว Template แบบ Tric ก็ตอบโจทย์เราได้พอควร กะว่าจะลองศึกษา PatTemplate อ่าน Template XML แต่ขี้เกียจว่ะ เลยเอาแบบเดิม

คราวนี้พอคิดไปคิดมาชักใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ คราวนี้เลยรวม Package จากที่เคยทำเว็บ Ecommerce ที่ได้รับจ้างงานมา ก็กำลังจะปรับปรุงให้เป็นแบบโปรแกรม OSCommmerce คือทำให้คนอื่นเอาไปใช้งานต่อได้ (อันเก่าทำแบบขี้เกียจๆ เสร็จเป็นงานๆ ไป)

จากที่เคยคิดไว้ว่าจะบรรจุเป็น Software ให้ Download เฉพาะ Tric ทำไปทำมา ทำให้หมดเลยดีกว่า Project นี้เลยได้โปรแกรม Ecommerce, CMS, Tric รวมอยู่ใน Package เดียวกัน ทำให้ต้องกลับมานั่งรื้อ Tric กันใหม่อีกครั้ง เห็นหลายอย่างต้องปรับปรุงอีกมาก หลายอย่างที่โดนสั่งให้ทำจนโปรแกรมเละตุ้มเป๊ะไปหมด ความง่ายแบบเก่าๆ ที่คิดไว้กลายเป็นขยะอะไรก็ไม่รู้มากมาย อย่างน้อยก็ต้องทำเป็น Version MySql ก่อน เพราะว่าเว็บเช่าทั้งหลายมันมี PostGres ซะที่ไหนกัน

ตอนที่คิดจะทำเว็บนี้ครั้งแรกนั้นคิดจะทำแบบ Static ล้วนๆ ส่วนที่เป็น Webboard ก็กะจะใช้ SMF (Simple Machine Forum) กับ Drupal (เว็บ Blog) แต่ดูไปดูมา คิดไปคิดมา (อีกแล้ว) ถ้าเราทำระบบสมาชิกส่วนนึง SMF เป็นอีกส่วน แถม Drupal อีกส่วน ตายห่ะ ไม่ต้องมีชื่อ Login 3 ชื่อในเว็บเดียวกันเหรอว่ะ ไอ้ครั้นจะไปแกะ Code มันมาดู ว่าระบบสมาชิกมันเป็นอย่างไร ก็ไม่ยากเท่าไร แต่พอคิดดูต่อไปถ้าอยากได้ Feature มากกว่านี้อีก คงต้องไล่ตามแกะของมันไปเรื่อยๆ แล้วก็ไม่ค่อยจะเข้ากับระบบของเราเท่าไรด้วย

อีกอย่างพวก เว็บบอร์ด เว็บบล๊อก พวกนี้มักจะทำ Feature เอาไว้เยอะแยะไปหมด เพราะเค้าจะพัฒนากันอยู่อย่างเดียว เห็นแล้วมึน ทำให้พาลไม่อยากใช้งานมันเท่าไร ไม่เห็นจะอยากได้ความสามารถมากมายขนาดนั้นซักกะหน่อย

สรุปว่า Numthang Content Software (ชื่อ Software อย่างไม่เป็นทางการ) ที่จะทำตอนนี้จะมี Blog, Forum, CMS รวมอยู่ในเนื้อเดียวกันเลย สะใจจริงๆ ส่วนระบบเบื้องหลังยังคงเป็น Tric เหมือนเดิม ก็ไม่รู้ว่ามีคนทำแล้วหรือยัง แต่ก็ไม่สนใจแล้วว่ะ เพราะว่า เกิดไปเอาของคนอื่นมาก็เข้ากันไม่ได้กับ Tric อีกก็เลยผุด Project ยักษ์ใหญ่ขึ้นมาด้วยประการฉะนี้แล

* นั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวัน พอคิดได้แล้ว ถึงเวลาทำจริง ขี้เกียจ Coding ชะมัด ไม่รู้ว่าหาใครมาช่วย Coding ให้ได้มั่งหว่า มีเงินเดือนให้เดือนละ 2000 บาท พร้อมอาหารที่พัก ระยะเวลาจ้างงาน 1-2 เดือน หึหึ

MrsJan
17 ก.ค. 49

14 กรกฎาคม 2549

พวกมันยึดราชดำเนิน

ราชดำเนินเปลี่ยนไป๊ (ตั้งนานแล้ว)

วันนี้อ่านข่าวจาก Manager เค้าเปิดขุมข่ายกองกำลังพิทักษ์ทักษิณ พร้อมเหตุเชื่อมโยงเว็บต่างๆ เข้าด้วยกันว่าเป็นขุมข่ายเดียวกัน หาได้ต่างคนต่างพิทักษ์กันอิสระไม่ อ่านไปเจอตอนหนึ่งที่ว่า "ราชดำเนิน" ที่เคยเป็นแหล่งรวมข้อมูลข่าวสารการเมืองอิสระได้ถูกยึดไปจากขุมข่ายเหล่านี้ไปเรียบร้อยแล้ว สอดคล้องกับที่ครั้งหนึ่ง ผมได้เคยคิดไว้แล้วแบบตะหงิดๆ ว่า "ราชดำเนิน" เดี๋ยวนี้มันอะไรกัน อ่านแล้วงงๆ สวนกระแสจากเดิมที่ปริมาณการด่าแม้วจะมากกว่า แต่ตอนนี้กลายเป็นเชียร์ไปเกือบหมด สวนกระแสสังคมการเมืองจริงๆ

เพื่อตอกย้ำความคิดนี้ ไม่นานมานี้ผมเลยไปลองแวะเยี่ยมเยียนดู หลังจากไม่ได้เข้ามานานพอดู เหตุที่ไม่เข้าไม่ได้เป็นเพราะมันเชียร์แม้วหรอก แต่อ่านความคิดเห็นแล้วมีแต่ความคิดเห็นปัญญาอ่อนมาโพสต์ (อ่อน พอๆ กับข้อคิดเห็นด่าแม้วใน Manager) แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะพวกเชียร์แม้วแบบใจไม่บริสุทธิ์ มันชอบเขียนข้อความปัญญาอ่อนก็ได้ เลยไม่เข้าอีกเลยแบบอัตโนมัติ หลังจากเข้าไปดูแล้วถึงได้รู้ว่า กระทู้แนะนำ 4-5 อัน ทั้งหมดไม่เชียร์แม้วก็ด่ามาร์คและสนธิ แล้วพวกชื่อสมาชิกก็แปลกๆ ไม่คุ้นตาเลยสักคนเดียว ชื่อขาประจำเก่าๆ หายไปหมดแล้ว

ตอนนี้ถึงได้คำตอบว่าทำไม แล้วตอนนี้พวกขาประจำเก่าพันทิพย์ราชดำเนินนั้นเค้าได้ร่วมกันลงขันย้ายบ้านกันไปตั้งเว็บบอร์ดกันเองแล้วที่ http://forum.serithai.net/ ทำให้เหมือนได้เข้าห้องราชดำเนินที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่งเพราะพวกสมาชิกใช้ชื่อเดิมที่ใช้ในราชดำเนินทั้งสิ้น

แม้แต่เว็บบอร์ดเสรีที่ทุกคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยใจบริสุทธิ์ที่เป็น Community จริงๆ พวกมันก็ยังทำลายได้น่าตาเฉย พวกมันจะสร้างเว็บเชียร์สัก 100 เว็บก็ไม่มีใครว่า แต่พวกมันได้เข้ามาทำลายชุมชนแห่งการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องที่สร้างความรู้สักเจ็บแค้นให้กับตัวเองยิ่งนัก สำหรับผมนี่เป็นความเลวร้ายแบบสุดๆ เลยทีเดียว

ข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9490000074544

MrsJan
14 ก.ค. 49

06 กรกฎาคม 2549

ผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิง?

ช่วงนี้ผมมีปัญหากับทางบ้านอีกแล้ว ซึ่งบางครั้งผมก็คิดว่าทำไมผมจะต้องหาเรื่องให้ได้เถียงกันด้วย ทำไมไม่ทำตามๆ เค้าดูบ้างจะได้หมดเรื่อง แต่ก็ต้องกลับมาถามตัวเองในภายหลังอีกนั่นแหละว่าทำไมคราวนั้นถึงไม่ทำอย่างนี้ ก็ต้องเลือกเอาว่าจะขัดแย้งกับคนอื่นหรือจะขัดแย้งกับตัวเอง

ผมเกิดในครอบคร้วคนจีนแท้ๆ อพยพจากเมืองจีนแท้ๆ ไม่มีผสม แม้แต่ญาติพี่น้องใครแต่งกับใคร ยังไง แน่นอนว่าต้องจีนร้อยเปอร์เซนต์ เพราะไม่อย่างนั้นอาม่าต้องบ่นแน่นอน ทีนี้ไอ้หลานไม่รักดีคนนี้ก็ไม่เคยทำอะไรให้ถูกใจไปซะทุกอย่าง ตั้งแต่ สะใภ้ก็ไทย (คนจีนจะมีอคติกับคนไทยเหมือนในละคร) ไปอาศัยที่นาฝ่ายหญิงจะปลูกบ้าน (เหมือนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง) ไปทำการเกษตรพึ่งตนเอง (สำหรับพ่อค้าคนจีนไม่เคยสัมผัสมาก่อน ดูเหมือนไม่มั่นคง เพราะโลกทุกวันนี้ต้องมีเงินไว้ใช้จ่าย) และเรื่องสำคัญคือ เปลี่ยนไปใช้นามสกุลภรรยา!! (อันนี้ไม่มันปกติแล้วเหมือนตั้งใจจะออกจากวงศ์ตระกูล)

สำหรับเรื่องนามสกุลนี้ได้ทำให้แม่ผมช๊อคไปเลย ผมบอกได้เลยว่าทั้งหลายนั้นผมไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่มันเป็นไปเองแล้วจะให้ทำอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมเคยคิดไวัตั้งนานแล้วว่าถ้าผมแต่งงานเมื่อไร จะเปลี่ยนไปใช้นามสกุลภรรยาให้ดู

สำหรับเหตุผลนั้น ผมแค่มีความรู้สึกว่าผู้หญิงถูกกดขี่ตลอดเวลามานานมากแล้วในประวัติศาสตร์ไม่ว่าชาติไหน ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมผู้หญิงจะต้องเปลี่ยนสกุลไปใช้ตามผู้ชาย ทำไมต้องเปลี่ยนเป็นนาง ทำไมลูกผู้หญิงสำหรับคนจีนแล้วน่ารังเกียจ ทำไมๆ ทั้งหลาย ทั้งปวงล้วนมาจากความเห็นแก่ตัวจากคนริเริ่มประเพณีอะไรต่างๆ มาจากผู้ชายใช่หรือไม่ ผมแค่ต้องการแสดงให้เห็นว่าผู้ชายไม่ได้เห็นแก่ตัวและพร้อมที่จะเสียสละได้ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาตามมาก็ตาม และไม่เคยคิดที่จะผูกขาดและหวงแหนอำนาจไว้กับตัว

ผมว่าผู้หญิงหลายคนก็ต้องรู้สึกหรือแม้แต่แม่ก็ตามยังเคยบ่นว่าอาม่าลำเอียงกับลูกผู้หญิง ไม่มีที่ดินให้มีแต่สมบัติที่ให้ครั้งเดียวตอนแต่งงาน เห่อหลานจากลูกชายมากกว่า หลานจากลูกสาว หลานจากลูกสาวแต่งงาน (คือตัวผมเอง) ก็ไม่ค่อยเห่อเท่าไร ตัวเองยังรู้สึกเลย แต่วันนี้จะมาต่อว่าผม อันที่จริงผมพอจะรู้หรอกว่าแม่อาจจะแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างมากไป

ผมโดนต่อว่า ว่าจะทำอะไรทำไมไม่ปรึกษากันก่อน เหมือนไม่เคยเห็นหัวกัน ซึ่งผมก็ยอมรับผิดตรงนี้ แต่ผมคิดในใจว่าถ้าปรึกษาก็คงจะมีปัญหาอยู่ดี ผมถามแม่กลับไปว่าทำไมเวลาผู้หญิงเปลี่ยนไปใช้สกุลผู้ชาย ไม่เห็นต้องปรึกษากันก่อนเลย คำตอบที่ได้ก็คือ "เค้าทำกันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว" แต่สำหรับผมมันไม่ปกตินี่สิ หลายสิ่งหลายอย่างที่ผมเห็นการกระทำกับผู้หญิงมันไม่ปกติ โดยเฉพาะคนจีนแล้วไม่ปกติอย่างมาก ในสมัยนึง (ยังอยู่จนถึงปัจจุบันหรือเปล่าไม่ทราบได้) คนจีนจะสามารถมีลูกได้เพียงคนเดียว ตามนโยบายจำกัดจำนวนประชากร ทีนี้พอได้ลูกผู้หญิงบางรายถึงกับฆ่าทิ้ง และนี่คือความไม่ปกติ

ลองยกตัวอย่างสมัยก่อนดู ให้เราลองมาคิดดูว่าแต่ก่อนนั้นกฏหมายหลังจากจดทะเบียนสมรสแล้วให้ฝ่ายหญิงเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของฝ่ายชายเท่านั้น มาสมัยนี้มีเพิ่มเข้ามาอีกคือ ให้ฝ่ายชายเปลี่ยนไปฝ่ายหญิง หรือให้ฝ่ายหญิงคงนามสกุลเดิมเอาไว้ ผมไม่เห็นด้วยกับข้อหลังเท่าไรนักเพราะถ้าสองฝ่ายตกลงจะอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่มีฝ่ายไหนยอมเสียสละแล้วจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร หรือว่าพอถึงเวลามีลูกแล้ว จะให้ลูกเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของพ่อหรือแม่กันล่ะ

วันนี้ผมบอกได้เลยว่าผู้หญิงหลายคนก็อาจจะเป็นเหมือนผมเหมือนกันอย่างเวลาเขียนชื่อสกุลยังเผลอจะเขียนสกุลเดิมจนทำเอกสารเสียไปหลายครั้งหรือในหลายครั้งก็รู้สึกประหลาดๆ ในการที่ตัวเองต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ของตัวเองที่ใช้มาตลอดตั้งแต่เกิด แต่ก็ต้องทำไปตามกฏหมายเท่านั้นเอง

หลายๆ คำพูดที่เราได้คุยกัน ไม่ว่าจะเป็น "เวลาจะทำอะไรให้คิดถึงคนที่อยู่ข้างหลังบ้าง นี่พ่อแม่ยังอยู่ยังรับรู้ได้อยู่ ถ้าตายไปแล้วก็ว่าไปอย่าง คิดถึงว่าคนที่จะถูกต่อว่าไม่ใช่ผม พ่อแม่ยังต้องอยู่ในสังคมเครือญาติอยู่ ยังต้องคบค้าสมาคมกันอยู่" ซึ่งผมก็คิดว่าผมไม่ได้ไปทำเรื่องร้ายแรงอย่างฆ่าคนหรือต้องคดีอาญาสักหน่อย คำสุดท้ายที่พูดคุยกันคือ "ไปเปลี่ยนกลับให้เป็นอย่างเดิม ถ้าไม่ได้ก็ไม่รู้จะให้ว่าอย่างไรแล้ว" ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรก็ได้แต่จบบทสนทนาทางโทรศัพท์แต่เพียงเท่านี้ แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด ผมแค่ทำไปตามความเชื่อของตัวเองนั้นมันผิดตรงไหน

MrsJan
6 ก.ค. 49

05 กรกฎาคม 2549

อิทธิฤทธิ์ยางลบดินสอ

ไม่ได้เขียนซะนานช่วงนี้มีงานประจำทำแล้ว และได้กำหนดวันหยุดให้กับตัวเองในวันเสาร์ อาทิตย์ เพื่อที่จะนั่งหน้าคอมพ์อย่างเดียว งานห้าเชียงที่จะส่งต่อให้เพื่อนที่เชียงราย เอาไป Upload ที่ Net Cafe ที่แปดริ้วแล้วไม่สำเร็จ Speed ในการ Upload ต่ำมาก ไม่เหมือนที่กรุงเทพ Upload 35k/sec ตกลงตัดใจใช้ส่งไปรษณีย์เอา

เรื่องที่พูดถึงมีอยู่ว่า ตอนจะไป Net cafe กำลังจะถ่ายงานลง SD Memory แล้วเจอปัญหาเกี่ยวกับ เครื่องอ่าน Memory หรือ Memory Reader ซึ่งพอเสียบเข้าไปในเครื่องมันดันอ่านอย่างเดียว ไม่สามารถเขียนได้ ไม่ได้เป็นที่ Write Protect ที่ตัว Memory ด้วย ใส่ตัวไหนไปก็เขียน File ลงไปไม่ได้เลย คิดในใจว่าต้องซื้อใหม่อีกแล้วตู

ไหนๆ ก็เจ๊งแล้วก็จัดการงัดแงะมันออกมาดู พูดถึงก็เหมือนกับ Notebook Toshiba ที่แงะมาแล้วหลายครั้งเนื่องจากแป้น Keyboard ชอบทำงานเพี้ยนๆ ส่อแวว ทำใจมาก็หลายครั้งแล้วก็ไม่เจ๊งจริงๆ สักที กะไว้ว่าถ้ามันเจ๊งจริงๆ เมื่อไรจะเอามาทำ Server ซะให้เข็ด จะได้กลายเป็น Server ที่เล็กที่สุดในโลก เอา Notebook น้ำหนัก 1 กิโล มาทำ Server แต่แบก Notebook อ้วนดำๆ 3 กิโลกว่าๆ ไปไหนมาไหนคงจะดูไม่จืด

ต่อเรื่อง Memory Reader หลังจากแงะมาดูแล้วก็ส่องๆ ไปแถวๆ แผงวงจร ตำแหน่งที่วงกลมสีแดง เห็นคราบกาว คราบเขม่า ก็เอาดินสอ เขี่ยๆ ขูดๆ แบบไม่กลัวพัง เพราะไหนๆ มันก็รวนแล้ว ลองใช้งานใหม่ดูก็ไม่หาย ทีนี้เลยลองเอายางลบถูๆ ขูดๆ จนมันออกหมด แล้วลองใหม่ ปรากฏว่า อาการ Readonly หายไปแล้ว ไชโย

ฟังดูคล้ายๆ กับ Ram ที่เค้าว่ากันว่าถ้า Com ทำงานผิดปกติจะเกี่ยวกับ Ram หรือเปล่าไม่รู้ เอายางลบไปถูๆ มันซะ ก็จะทำงานได้ตามปกติ งานนี้โชคดีไม่ต้องเสียตังค์ให้กับ Technology อีกแล้ว

* ช่วงนี้ได้ยินคนสติไม่สมประกอบลั่นวาทะ "ผู้ดูเหมือนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" อ่านครั้งแรก ก็สะดุดในคำพูดและได้ทำนายไว้ล่วงหน้าได้เลยว่า เป็นเรื่องแน่ มันกลับมาแล้ว มาจนถึงวันนี้ ก็เป็นไปอย่างที่ว่าจริงๆ คอยดูการจุดชนวนครั้งใหม่ที่กำลังจะประทุอีกครั้ง

MrsJan
5 ก.ค. 49

24 มิถุนายน 2549

สัมภาษณ์กับตัวเองว่าทำไมไม่อยากดูบอลโลก

ไปอ่านบทสัมภาษณ์ "ฟุตบอลโลก 2006 ช่างมัน...ฉันไม่แคร์" ใน manager มีการสัมภาษณ์บรรดาพวกคนดังทั้งหลายว่าทำไมถึงไม่สนใจบอลโลกหรือดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ ทำให้อยากลองกลับมาถามตัวเองบ้างเพราะว่าตัวเองก็อยู่ในกลุ่มนี้เหมือนกัน (แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นพวกเดียวกันกับคนเหล่านี้)

อืม ง่ายๆ คงจะเป็นเพราะมีอย่างอื่นให้ทำที่มันสนุกกว่ามั้ง ก็เลยไม่ได้สนใจจะติดตามดูมันเลย ว่าไปสมัยก่อนใช่ว่าจะไม่เคยสนใจเลย เวลานั้นอยู่กับเพื่อนแถวมหาลัย พวกมันคุยกันแต่เรื่องบอล เล่นกันแต่ Winning เลยร่วมขบวนการ Winning เข้าไปด้วย เวลาดูบอลสโมสรเตะ ก็ร่วมดูไปด้วย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มีความสนใจมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ช่วงนั้นอยากเป็นคนรู้มากๆ รู้ทุกเรื่อง จะได้คุยกับใครๆ เขาได้ ถึงขนาดไปหาซื้อหนังสือพิมพ์กีฬาที่ชาวมหาลัยชอบถืออ่านกัน (ตัวเองถือมติชนสุดฯ) ก็ไม่รู้หรอกว่าอันไหนพวกพนันบอลอ่าน อันไหนพวกบ้าบอลอ่าน ก็มั่วๆ ไป ตอนไปซื้อก็รู้สึกเขินๆ นิดหน่อย มันเหมือนเป็นตัวประหลาดที่ทำอะไรขัดกับตัวเองแล้วมันจักกะจี้ เวลานั่งอ่านก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบอายๆ (ไม่ใช่หนังสือโป๊นะ หึหึ แต่ถ้าเป็นหนังสือโป๊ละก็ไม่อายหรอก) ซื้ออ่านได้ไม่กี่ฉบับก็เลิกซื้อ จำไม่ได้ว่าทำไม คงเป็นเพราะไม่ดึงดูดกระมัง

ผ่านมาได้สัก 2 ปีความคิดแบบว่าอยากรู้มากๆ นั้นก็เริ่มหายไป เพราะคิดว่าเรื่องที่ไม่สนใจจะไปติดตามมันทำไมวะ ถึงจะสนใจมันไปอย่างไรก็ไม่เข้าหัวเพราะมันไม่ได้เก็บไปคิด คือ เคยเห็นพวกที่รู้มากๆ แต่ไม่รู้จริงซักเรื่องพอพูดอะไรไป สำหรับพวกที่รู้จริงแล้วจะรู้ไปถึงกึ๋นได้เลยว่าไอ้นี่มันไม่ได้เรื่อง เปรียบง่ายๆ เหมือนโฆษณาเหล้ายี่ห้อนึงที่ พวกโม้การพิชิตยอดเขาอย่างโน้นอย่างนี้ แต่กลับไปโม้ให้พวกของจริงฟัง ดูแล้วมันช่างน่าสมเพศนัก คราวนี้เลยกลับมาเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นและสนใจในสิ่งที่ตัวเองศึกษา เรื่องบอลอะไรก็ไม่คิดจะแตะมันอีกต่อไป

พูดถึงบอลโลกมีเรื่องให้บ่นนิดหน่อย ในวันนัดเปิดบอลโลก ที่เยอรมันแข่งกับโนเนมอะไรสักอย่าง เปิดไปช่องไหนก็เหมือนกันหมดเลย สร้างความตกอกตกใจเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งความตระหนกด้วยว่า นี่เป็นงานฉลองของกษัตริย์โลกครบร้อยปีหรือย่างไร แล้วทำไมถึงต้องมาคิดแทนด้วยล่ะวะว่าบอลโลกเป็นสิ่งที่คนไทยต้องดู (อ้อ ลืมไปว่ามันเป็นกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ... blah blah) ก็เลยต้องเปิดมันทิ้งไว้อย่างนั้น คิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ถ่ายทอดสดพร้อมกันทุกช่อง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ต่อไปคงไม่ต้องห่วงแล้วว่าจะมีรายการยัดเยียดขนาดนี้เพราะได้ข่าวว่างวดหน้าค่าลิขสิทธิ์จะแพงขึ้นอีก 3-4 เท่า เป็นหลักพันล้านไปแล้ว เลยพอจะแน่ใจได้ว่าคนไทยอาจจะไม่ได้ดูบอลโลกครบทุกคู่บน ฟรีทีวี กันอีกแล้ว (แต่ได้กลับไปดูละครแทน งานนี้แม่บ้านเฮ)

*ตอนดูบอลมันก็สนุกดี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้สนใจจะติดตามดูอยู่ดี ถึงตอนนี้แล้วก็ได้ดูคู่แรกอยู่คู่เดียว แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้เวลาแข่งด้วยว่าเค้าเตะกันเวลาไหนบ้าง

อ่านบทสัมภาษณ์ได้ที่
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000077370

MrsJan
23 มิ.ย. 49

22 มิถุนายน 2549

Firefox 1.5


อยู่ดีๆ ก็อยาก Upgrade Firefox ขึ้นมาเฉยๆ ไปค้นหาดูเห็นว่าขึ้น Version 1.5 แล้ว (Version 2 ออก Beta แล้วด้วย) เห็นเปลี่ยน Version ไปมากแล้ว เลยลอง Load มาเล่นดู การจะ upgrade บน linux นั้น พอจะ upgrade ที ต้อง update หลายตัวที่เป็น Version Dependency กัน พอไป Load ทั้งหมดที่เป็น Dependency มาแล้วลงปุ๊บ ปรากฏว่าเข้า X Windows ไม่ได้เลย เลยต้องเข้า safe mode ไป install ตัวเก่าเข้าไปทั้งหมด เวรกรรม

คราวนี้ เลยใส่ Option --force-depends เข้าไปที่คำสั่ง dpkg ให้มัน ignore ส่วนที่เป็น dependency ออกไป เพื่อที่จะลงได้ ก็ใช้การได้ดี แต่ติดตรงที่ว่ามันจะกลายเป็น Broken package ไม่รู้ต้องทำอย่างไรก็เลยต้องปล่อยมันไปอย่างนั้น ก็ช่างหัวมัน มาลอง Review รุ่นใหม่ (ที่กำลังจะเก่า) กัน

การที่ได้ Upgrade Version แบบก้าวกระโดดแบบนี้จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่าง ผลการทดสอบใช้งาน สิ่งที่เพิ่มเข้ามานั้นดีมากเลยทีเดียว จะบอกแต่ที่เด็ดๆ เท่านั้น เช่น

- ขนาดและรูปแบบ Font ค่อนข้างใกล้เคียงกับ IE มากจะได้ไม่ต้องมีปัญหาว่า Firefox แหก แต่พอดู IE ปกติดี
- Function force link สำหรับพวกที่เป็น link blank ทั้งหลายนั้น สามารถกำหนดให้เป็น self หรือจะ open new tab ก็ได้ ถือเป็น function ที่ยอดเยี่ยมมากๆ เพราะปัญหานี้จะเกิดกับพวกเว็บไซต์ในเมืองไทยที่ชอบทำให้เปิดหน้าใหม่อยู่เรื่อย ไม่รู้ว่ากลัวจะกลับมาหน้าเดิมไม่ถูกหรือย่างไร หรือจริงๆ แล้วคือ พวกแมร่งชอบทำเว็บห่วยๆ มีแต่ที่ไป แต่ไม่มีที่กลับ เลยต้องทำให้เปิดหน้าใหม่บ่อยๆ function นี้ถือเป็น highlight ของ version นี้เลยทีเดียว

ส่วนอื่นๆ เป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้นเช่น การจำ password รู้สึกจะทำได้ดีขึ้น ของเก่าจำบ้างไม่จำบ้าง บางอันก็ไม่จำเลย ส่วนการจัดเรียง interface ก็เปลี่ยนไปหลายอย่างเลย ใช้งานได้ดีขึ้น

การใช้งาน Firefox ตอนนี้บอกได้เลยว่า ไปไกลกว่า IE แล้วจริงๆ และการพัฒนาก็คล่องตัว ไม่ยืดยาด มีกำหนดออก Version ใหม่ๆ ตลอดเวลา

ปัญหาสำหรับ Firefox ที่พบเจอบน Linux คือต้องลงตัดคำไทยให้วุ่นวาย แต่คาดว่าอนาคต ทาง Firefox ต้องบรรจุตัดคำไทยเป็นมาตรฐานแน่นอน เพราะนักพัฒนาของไทยเราก็ทำออกมาได้ดีพอควร แต่สำหรับบน Windows มีคนทำมาให้แล้วรวมอยู่ในตัว Install เลย ไป download ใช้กันได้เลยที่นี่ http://www.osdev.co.th/download/mozilla/ThaiFirefoxCommunityEditionSetup-1.5.0.3.1.exe

ต้องขอบคุณทีมงานผู้จัดทำ Open Source Development ที่ได้ช่วยให้คนไทยได้ใช้ Software ทางเลือกที่ดีๆ มากมาย หากเราสนใจก็สามารถช่วยกันสนับสนุนงบประมาณผ่านทาง PaySbuy หรือ PayPal บนเว็บไซต์ของ osdev ได้เลย

ส่วน บน Linux นั้นการลงตัดคำไทยต้องลงอะไรบ้างก็จำไม่ได้แล้วเพราะ Upgrade คราวนี้ก็ไม่ได้ลงตัดคำไทยเพิ่มอีก ไว้มีโอกาสได้ลง Linux ใหม่เมื่อไรจะบันทึกเอาไว้แต่คิดว่าพอถึงเวลานั้น Firefox คงจะมีตัดคำไทยเป็นมาตรฐานให้แล้วมั้ง

งวดหน้าจะเขียนถึง Firefox Extensions อันนี้ไม่รู้ว่า Version เก่าๆ มีหรือไม่ เพราะไม่เคยลองใช้ ถ้าได้ลองลูกเล่นอันนี้แล้วจะทำให้ลืมและไม่สนใจ Web Browser ตัวอื่นๆเลยทีเดียว

MrsJan
21 มิ.ย. 49

10 มิถุนายน 2549

คุนิมิตซึ คนจริงจอมกะล่อน : Kunimitsu No Matsuri

หลังจากนี้คงได้มาเขียน Blog น้อยลงหน่อยเนื่องจากกำลังริเริ่มโครงการใหม่ๆ แล้วภารกิจหลักตอนนี้คืออ่านการ์ตูนที่ค้างเติ่งไม่ได้อ่านมาหลายเดือน มีเล่มใหม่ๆ เข้ามาเพียบ ในบรรดาการ์ตูนที่อ่านช่วงนี้ก็มี คุนิมิตซึ, 20th Century Boy, โรงเรียนนักสืบ Q แล้วก็ คุโรมาตี้

เรื่องที่อวสา นไปแล้ว และเป็นเรื่องที่กำลังจะพูดถึงตอนนี้ คือเรื่อง คุนิมิตซึ ไม่ได้อ่านการ์ตูนมานานเกือบปี มาเจออีกทีอวสานไปแล้วเลยซื้อย้อนหลังมาทั้งหมดแถมซื้อซ้ำฉบับที่ 15 ด้วย เปลี่ยนก็ไม่ได้แล้ว เพราะ สินค้าจะเปลี่ยนได้ในเล่มเดียวกันเท่านั้น

ส ำหรับการ์ตูนเรื่องนี้ จะมีความฮาและลีลาแบบ GTO บวกกับเนื้อหาสาระแบบการเมืองที่มีการชิงไหวชิงพริบทางการเมือง แบบที่บ้านเราเค้าเรียกว่าเล่นการเมือง หรือการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ และการเมืองที่เป็นแก่นแท้ของการเมือง ในเนื้อหาสาระที่เป็นปัญหาสำหรับภายในญี่ปุ่นเอง อันนี้เป็นแบบที่ผมจะเรียกว่า การเมืองเพื่อชีวิต การเมืองเพื่อประชาชน หรือ การเมืองแบบสร้างสรรค์ ก็แล้วกัน

เรื่องราวของการ์ตูนเรื่องนี้ จะเน้นไปที่การต่อสู้กันระหว่างนักการเมือง 2 คน ของการเลือกตั้งในจังหวัดเล็กๆ ของญี่ปุ่น ระหว่างนั้นตัวเอกซึ่งลีลาเป็นแบบโอนิสึกะเปี๊ยบ ชอบใช้แต่กำลัง ไม่ค่อยใช้สมอง เป็นคนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศญี่ปุ่น รู้สึกว่าแรงบันดาลใจที่คิดอย่างนี้จะได้มาจากรุ่นพี่คนหนึ่งสมัยเป็นพวก แก๊งซิ่งที่ต้องการจะเข้าสู่วงการการเมือง ทั้งสองก็จะมาเจอกันตอนกลางเรื่อง โดยอยู่ขั้วตรงกันข้ามกันทางการเมือง ทั้งสองต่างเป็นเลขาให้กับนักการเมืองสองคนที่กำลังจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ ของเมืองชินชิบะกะซากิ การแข่งขันเป็นไปด้วยความดุเดือด ทั้งวิชามาร วิชาศรีธนญชัย ถูกงัดออกมาใช้เพียบ ในตอนจบยังคงแอบลุ้นผลการนับคะแนนเหมือนกับการเลือกตั้งในโลกจริง ถึงแม้ว่าจะรู้ๆ อยู่ก็ตาม

อ่านการ์ตูนเรื่องนี้แล้วต้องยอมรับว่า สนุกมาก แต่เรื่องความฮานั้นยังสู้ GTO ไม่ได้ อย่างตอนที่มีการคบค้ากัน ระหว่าง นักการเมือง ข้าราชการ และผู้รับเหมา เป็นขบวนการคอรัปชั่นในท้องถิ่น ต่อมาก็โยงต่อไปถึงนักการเมืองระดับประเทศ การคอรัปชั่นแบบดั้งเดิมอย่างการกินหัวคิว รับสินบนต่อกันเป็นทอดๆ เนื้อหาการคอรัปชั่นยังไปไม่ถึงระดับบ้านเราที่พัฒนากันไปมากแล้ว เนื้อหาที่เป็นวิชาการเลยจะเห็นอยู่ 2 เรื่อง คือ การตั้งคำถามเช่นว่าทำไมเกษตรกรจึงต้องทำการเกษตรแบบใช้ยาฆ่าแมลง การเปิดโปงขบวนการสาธารณสุข ในส่วนนี้ผู้เขียนได้สัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ถึงขั้นโทรไปสอบถามกระทรวงสาธารณสุขเลยทีเดียว

สำหรับเรื่องขบวนการเ กี่ยวกับสาธารณสุขนั้นพอดีว่าเพิ่งได้อ่าน หนังสือเรื่อง "สุขภาพดี ไม่ต้องแพง" ของนายแพทย์ ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ แล้วช่างสอดคล้องกันเป็นโลกาภิวิฒน์อีกแล้ว อย่างเนื้อหาที่ว่า ยารักษาโรคในปัจจุบันนั้น มีการจ่ายยามากเกินความจำเป็น โรคหลายโรคเลยไม่ต้องการยาใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งยาหลายชนิดยังไปทำร้ายร่างกายไม่ให้กลไกการทำงานตามปกติได้ทำงานอีกด้วย และการรับยามากเกินความจำเป็นนั้น ทำให้ก่อเกิดเชื้อโรคดื้อยาและต้องการยาที่ฤทธิ์แรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด โรคใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบ เกิดจากยาแผนปัจจุบันเหล่านี้นั่นแหละ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยรับประทานยามาก่อนเลย แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจ เพราะแม้แต่เนื้อสัตว์ที่เรารับประทานเข้าไปก็ผ่านการเลี้ยงดูมาแบบว่า อาบยาปฏิชีวนะมาตั้งแต่เกิด แล้วก็เข้าไปสะสมในร่างกาย จนเกิดเชื้อดื้อยาทำให้มีโรคใหม่ๆ แปลกๆ เกิดขึ้นอยู่ทุกวัน และเราก็หาทางไล่ล่าฆ่ามันและเกิดใหม่ๆ วนไปเรื่อยๆ เป็นวงจรอุบาทว์ โดยหารู้ไม่ว่าเพราะการสาธารณสุขอย่างทุกวันนี้ที่เป็นต้นเหตุ หรืออาจจะรู้แต่เพิกเฉย เพราะมันเป็นผลดีกับอุตสาหกรรมยาในปัจจุบันนั่นเอง

อ ้อ อย่าลืม 20th Century Boy ตอนนี้กำลังสนุกมากเนื้อหาสาระเพียบอีกเหมือนกัน แต่อ่านแล้วมึนเหมือนตอนอ่าน Monster (คนเขียนคนเดียวกัน) เพราะตัวละครใหม่ๆ โผล่มาเรื่อยๆ ทุกเล่มเลย เรื่องนี้ออกช้าไปหน่อย เกือบปีแล้วเพิ่งมีเล่มใหม่ให้อ่านแค่ 3-4 เล่ม เท่านั้น ตอนนี้อยากอ่าน Doctor K ภาค 2 อยู่เหมือนกัน รออยู่ว่าเมื่อไรจะมีคนซื้อให้อ่าน

รูปภาพจาก Gangcartoon.com

MrsJan
10 มิ.ย. 49

07 มิถุนายน 2549

ไปซื้อนาฬิกาที่คลองถม

กลับมาถึงกรุงเทพฯ อีกแล้ว ชีพจรลงเท้า (หรือลงล้อ) ในบัดดล ไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ เลยแม้แต่วันเดียว ต้องมีธุระหรือหาเรื่องออกไปจนได้ เดี๋ยวนี้การเดินทางในกรุงเทพฯ ผมเปลี่ยนจากรถโดยสารเป็นรถส่วนตัวแล้ว เพราะสะดวกสุดๆ ใครไม่เคยได้มีโอกาสได้ลองใช้มอเตอร์ไซต์ในกรุงเทพฯ จะไม่เคยรู้เลยว่าสวรรค์มีจริง (แต่จะตกนรกก็อีตอนตากแดดร้อนๆ นี่แหละ) เพราะมันทั้ง สะดวก ประหยัด และรวดเร็วเอามากๆ วันหนึ่งๆ สามารถทำธุระได้หลายอย่าง จากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งสามารถนัดหมายเวลาได้เลยว่าจะใช้เวลา 15 หรือ 20 นาทีถึงจะถึง ใช้เวลาอย่างมากไกลสุดๆ แล้วไปถึงคลองถมก็ไม่เกิน 40 นาที จะไปช้าก็อีตอนเข้าไปแถวๆ นั้นแล้วหลงทุกที เพราะสภาพภายนอกเหมือนๆ กันหมด ที่แถวนั้นมันแวดล้อมไปด้วยพลังการค้าของชาวจีนโพ้นทะเล ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งการค้าขายแบบดั้งเดิมแทบทั้งสิ้น

ช ่วงนี้ค่าใช้จ่ายต่อวันเฉลี่ยตกวันละหนึ่งพันบาท ดูเหมือนคนเก็บกดไม่ได้ใช้เงินมานานพอดู ไปคลองถมงวดนี้เลยได้นาฬิกาใหม่มา 2 เรือน ราคาเรือนละ 130 บาท ที่ต้องการใหม่เพราะ มีวันที่พร้อมวันให้ดูด้วยสมใจเพราะเรือนเก่าไม่มี สร้างความหงุดหงิดใจให้เป็นอย่างมาก ส่วนอีกเรือนหนึ่งเป็นเพราะนาฬิการาคาแพงของ Mascot มันชอบหยุดเดินทุกๆ 3 เดือน เลยแนะให้ไปซื้อใหม่เปลี่ยนซะ

นาฬิกาที่คลองถมนี่มีเยอะจริงๆ กองๆ กันแบบขายส่ง เยอะมากๆ จนทำราคาได้ถูกมโหฬารขนาดนี้ กะไว้ว่าถ่านหมดซื้อเรือนใหม่ใส่ซะเลยก็ยังคุ้ม ใครที่นิยมชมชอบการใส่นาฬิกาเป็นแฟชั่นต้องมาที่นี่เลย มีให้เลือกไม่หวาดไม่ไหว แต่ถ้าจะซื้อสินค้ามีราคาหน่อยสำหรับที่นี่ต้องสืบราคาดูให้ดีๆ เพราะราคาต่างกันมากเหลือเกิน ในของชนิดเดียวกันนั้นมีราคาตั้งแต่ 20-200 บาทเลยทีเดียว ที่รู้อย่างนี้เพราะเคยโดนมาแล้ว

MrsJan
07 มิ.ย. 49

31 พฤษภาคม 2549

พ็อคเก็ตบุ๊คเล่มล่าสุด

ตอนนี้อยู่จังหวัดตราด เดินสายพักผ่อนไปเรื่อยๆ หลังจากว่างงานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต Employee และกำลังจะหันเหเข้าสู่ Self-Employed หรือ Business Owner หรือ Investor หรือว่าจะไม่เข้าหมวดใดๆ กันแน่ ก็ไม่อาจทราบได้

หึหึ วันนี้จะเล่นศัพท์สไตล์ พระคัมภีร์ของโลกทุนนิยมใหม่ เพราะ ได้ไปเจอะเข้ากับหนังสือที่ไม่นิยมอ่านสักเท่าไรแต่พอได้อ่านแล้วถึงได้ไม่แ ปลกใจว่าทำไมมันถึงเป็นหนังสือ Best Seller เพราะเป็นหนังสือที่จะค่อนข้างให้คำตอบของคนบนโลกยุคสมัยนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเยาะเย้ย ถากถาง แนวความคิดกระแสหลักในยุคอุตสาหกรรม ได้ค่อนข้างโดนใจ โดยการปรามาสว่าพวกที่ไม่รู้จักใช้เงินในการทำเงินให้งอกเงยเป็นพวกโง่ ล้าหลัง พวกที่ไม่พยายามหาอิสรภาพทางการเงินอย่างที่เค้าว่านั้น ควรคิดซะใหม่ และเสนอแนะวิธีคิดแบบคนรวยกันคนจนให้เห็นความแตกต่าง คนรวยคิดหาทางให้เงินงอกเงยได้โดยที่ไม่ต้องทำงานอะไรมากมายขอเพียงแค่ใช้ สมองคิด แต่คนจนนั้นต้องทำงานหนักตลอดชีวิตจะด้วยเพื่อเงินบำนาญในบั้นปลายหรือทาง แห่งแสงสว่างที่แม้แต่ตัวเองก็ยังมองไม่เห็น

แน่นอนเรื่องภาษีควรหลีกเลี่ยงหรือจ่ายให้น้อยที่สุด ด้วยกรรมวิธีที่ไม่ยากเย็นอะไรนัก เพียงแค่รู้ช่องกฏหมายภาษีที่มักจะขูดรีดกับบุคคลธรรมดา เรื่องพรรค์นี้ขอดูผู้นำประเทศเป็นตัวอย่าง ทำให้เหล่าคนจนทั้งหลาย ได้รู้วิธีของคนรวยได้โดยที่ไม่ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่หนังสือก็ยังไม่ลืมหยอดด้านมนุษยธรรมด้วยการบอกว่าหลังจากที่เรามีอิสรภา พทางการเงินแล้วเราจะมีเวลาว่างมากขึ้น ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ ทำกิจกรรมทางสังคมได้มากขึ้น มีเนื้อหาเหล่านี้อยู่นิดหน่อย (ประมาณ 5 บรรทัด) เพื่อที่จะบอกกับพวกเราว่าโลกทุนนิยมไม่ได้เป็นโลกของปีศาจร้ายอย่างที่พวก นักวิชาการสร้างภาพไว้อย่างนั้น

ในช่วงหนึ่งที่ผู้เขียนต้องว่างงาน เพื่อที่จะค้นหาอิสรภาพทางการเงิน ในเวลานั้นมีหลายครั้งที่ผู้เขียนหวนระลึกถึงรายได้ที่เข้ามาแน่นอนทุกๆ เดือน หรือเช่นว่าเราจะกลับไปหาความมั่นคงทางการงานแบบเดิมดีไหม และยังต้องคอยรับแรงเสียดทานจากคนรอบข้างอยู่เสมอว่า "ทำไมไม่หางานทำ" เป็นต้น ทำให้นึกถึงตอนที่ผมออกจากงานที่แรกใหม่ๆ ช่วงแรกๆ ก็สบายๆ แต่พอสักพักก็นึกถึงรายได้ที่เข้ามาในบัญชีพอกพูนไม่ขาดสาย มาวันนี้มันกลับลดลงเรื่อยๆ อย่างน่าใจหาย แต่ผมไม่เคยคิดจะกลับไปหาความมั่นคงทางการงานแบบเดิมอีก

สิ่งที่ผมค้นหาคล้ายคลึงกับผู้เขียนหลายอย่าง ต้องการทำงานน้อยๆ มีเวลามากๆ ไม่ต้องการทำงานหนักเพื่อเป็นหนี้ตลอดชีวิต แต่สิ่งที่ค้นหาในวันนี้ไม่ใช่อิสรภาพทางการเงิน แต่เป็นอิสรภาพทางการดำรงชีพแบบมนุษย์ ถ้าผมตั้งคำถามว่าในยามที่เงินของคุณไม่มีค่าอะไรเลย (ด้วยเหตุสงคราม ภัยธรรมชาติ หรืออะไรก็แล้วแต่) เงินที่คุณมีอยู่อาจจะซื้ออาหารสักมื้อของผมก็ยังไม่ได้เลยในยามขาดแคลน ถามว่านั่นเป็นหนทางที่ยั่งยืนแล้วหรือยัง

ผู้เขียนคงลืม (หรือไม่รู้ตัวเลย พอๆ กับพวกยุคอุตสาหกรรมที่คุณว่า) ว่ามนุษย์นั้นต้องกินอาหารเพื่อดำรงชีพ ถ้าคุณอ้างว่าแนวคิดนี้ เป็นแนวคิดของโลกยุคหลังอุตสาหกรรมหรือที่คุณอ้างว่าเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวส าร ก็ไม่แน่ว่า ในแบบของผมอาจจะเป็นแนวความคิดของโลกหลังยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร ที่โลกมนุษย์กำลังเข้าสู่ยุคเถื่อน มนุษย์ต้องแย่งชิงอาหารเพื่อยังชีพ มนุษย์ต้องกลับไปอยู่ในยุคก่อนเกษตรกรรมอีกครั้งหนึ่ง เท่านี้ผมก็ก้าวหน้าคุณไปอีกก้าวนึงแล้วสิ คุณมันก็แค่พวกล้าหลังเท่านั้นแหละว้า

ถึงแม้ว่าเนื้อหาในหนังสือจะมีหลายอย่างที่น่าสนใจและให้ความรู้อยู่ไม่น้อย แต่หนังสือเล่มนี้เมื่ออ่านจบแล้วสำหรับผมนั้นไม่ได้ต่างจาก Work@Home ภาครวมเล่ม (ที่พวกเรามักจะนำมันลง Junk ในทันทีทันใด) เลยทีเดียว

MrsJan
31 พ.ค. 49

27 พฤษภาคม 2549

โดเมนใหม่ที่ไหนดี

กำลังจะจด Domain ชื่อใหม่ ก็คิดว่าจะ Upgrade Hosting ที่ใช้อยู่ แต่วันนี้ Hosting ที่ใช้อยู่เข้าไม่ได้อีกแล้ว สอบถามไป ได้ความว่าเค้ากำลังย้าย server กันอยู่ เลยคิดอยู่ว่าจะหาที่อยู่ใหม่ให้มันซะหน่อย เพราะเจ๊งบ่อยเหลือเกิน แต่หาไปหามาก็ไม่ได้เรื่องสักเท่าไร เพราะการพิจารณาอันดับแรกคือ "ราคา" ถ้าไม่ถูกใจก็ปิดทันที ไม่ต้องดูอย่างอื่น แล้วกว่า 95% ก็ปิดได้ทันที เพราะ ราคาแพงกว่าที่ใช้อยู่มากและไม่สมเหตุสมผลกับราคา Hardware แสนถูกในขณะนี้เอาซะเลย

จาก Hosting ที่หาในเมืองไทย ถ้าได้ลองเปรียบเทียบกับ Hosting ต่างประเทศแล้วคนละเรื่องเลย อย่างสมมติว่า ของเราให้เนื้อที่ 50 M ที่นั่นเค้าให้ต่ำๆ ก็เป็น Giga แล้ว และที่สำคัญ ไอ้ Giga เค้า กับไอ้ Mega เรา ของเรายังแพงกว่าอีกด้วย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม Hosting เรายัง outdate อยู่ แถมถ้าอยากได้เนื้อที่มากหน่อย สัก 300 ร้อยเมก ก็เดือนละ 400-500 ไปแบบ Premium นู่น ถามจริงๆ ว่า ไอ้ 25 M 30 M สมัยนี้ มันเอาไว้เก็บเอกสาร HTML ได้อย่างเดียวก็เต็มแล้ว

สำหรับ Hosting เก่าที่ใช้อยู่เป็นของ servertoday ขนาดเนื้อที่ ที่ให้นั้นระดับ Inter ราคาก็ไม่แพงแบบที่เรียกได้ว่า ในบรรดา Hosting ไทย มันมาได้อย่างไร (How Come?) ตอนที่ซื้อครั้งแรกเค้าให้เนื้อที่ 300 M จ่ายไป 1300 บาทต่อปี รองรับ 1 Domain ก็นับว่าถูกแล้วตอนนี้ยิ่งถูกลงไปอีก ให้เนื้อที่ 1024 M ราคา 1200 บาทต่อปีแถมยังรองรับได้ถึง 2 Domain ในเมื่อให้กันขนาดนี้แล้วจะเปลี่ยนไปไหนได้อีก ใจจริงก็อยากจะใช้ของต่างประเทศเหมือนกันแต่ติดที่ความเร็วไม่น่าใช้สักเท่า ไร ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็คงจะเปลี่ยน แต่คงไม่ใช้ของไทยแน่ๆ ถ้าราคาต่อเนื้อที่ยังจุ๋มจิ๋ม 25 M 30 M อยู่อีก

วันนี้เลยไปหาดู Feedback เกี่ยวกับ Hosting รายนี้ ทำให้ไปเจอกับสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาสำหรับที่นี่คือ เว็บไซต์ sondhi-mgr.com (เว็บไซต์โจมตีสนธิ) เว็บไซต์นี้มีข้อความจากหลายรายที่ตั้งใจจะเข้ามาโจมตี และพยายามก่อกวนให้เว็บไซต์ทำงานต่อไปไม่ได้ คาดว่าครั้งก่อนที่เจอเหตุการณ์ Spam mail จนล่ม อาจจะมีคนโจมตีเว็บไซต์นี้ก็เป็นได้ ทำให้ servertoday ก็เลยกลายเป็นเหยื่อของสงครามครั้งนี้ไปซะ ทีนี้เหยื่อรายอื่นๆ ที่ร่วมชายคาเดียวกัน หนึ่งในนั้นที่โดนหางเลขไปด้วยก็คือเว็บไซต์ของเราเองนั่นแล

สรุปว่าก็คงจะใช้ของ servertoday ต่อไป ถึงจะล่มบ่อย แต่ก็ยังให้อภัยเพราะไม่มีทางเลือก ก็ได้แต่หวังว่าทาง servertoday จะปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

MrsJan
27 พ.ค. 49

24 พฤษภาคม 2549

~ยังจำได้ไหม~

เ หตุการณ์ทางภาคใต้ได้ประทุขึ้นอีกครั้ง ข่าวการจับตัวประกันครูชาวพุทธ ได้สร้างความเป็นเดือดเป็นแค้นให้กับชาวไทยพุทธเป็นอย่างมาก พวกเราคงลืมกันไปมั้งว่าก็ชาวไทยด้วยกันใช่ไหม ที่ทำกับชายวิกลจริตจนตายด้วยความโหดเหี้ยม!! ไม่แพ้กัน ด้วยข้อหาทุบหม้อข้าวจนแหลกละเอียด ตอนนี้รูปหล่อปูนปั้นที่ได้ข่าวว่าเสร็จแล้วและไฉไลกว่าเดิม เตรียมพร้อมคนมานมัสการกราบไหว้ ซึ่งมันไม่ได้แตกต่างอะไรจากมนุษย์ต่างดาวแผ่นเจลล์ลดไข้ที่สร้างความเฮฮา สนุกสนานให้เราๆ ท่านๆ สักเท่าไร

ความสูญเสียจากทั้ง 2 เหตุการณ์ อันหนึ่งเป็นความสูญเสียที่แลกมาด้วยสิ่งที่ไม่มีชีวิตในวาระเดียวกัน อีกหนึ่งเป็นความสูญเสียที่แลกมาด้วยชีวิตชาวมุสลิมที่ต่างวาระกัน แต่ที่ต่างกันคือความสำคัญในสายตาของทั้งสื่อและผู้บริโภคสื่อต่างลงความเห็ นกันได้ไม่ยากว่าอย่างไหนสำคัญกว่ากัน ระหว่างพระปูนปั้นกับชายวิกลจริต ระหว่างชาวมุสลิมใต้กับชาวไทยพุทธ

ทั้งนี้ทั้งนั้นจากทั้ง 2 เหตุการณ์ สื่อกระแสหลักทั้งหลายใช่ไหมที่ชอบเล่นกันตามเนื้อข่าว โดยที่ไม่ได้สนใจแง่มุมในอีกด้านหนึ่ง น่าเสียดายที่ข้อเขียนอีกแง่มุมหนึ่งหลายอันไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาในสื่อกระ แสหลักอย่างโทรทัศน์สักเท่าไร เรายังต้องการความกล้าหาญและเวลาในการเสนอข่าวทางโทรทัศน์มากกว่านี้ การให้ช่วยกันประนามการกระทำผ่านรายการคุยข่าว เพื่อเพิ่มกระแสความเกลียดชังอาจไม่บังเกิดผลซ้ำยังทำให้เกิดกระแสความ รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ไม่อย่างนั้นแล้วชีวิตชนชั้นผู้บริโภคข่าวสารก็จะยังเป็นง่อยด้วยความเห็น เห่ยๆ ดักดานอยู่ตามกระทู้ ที่เป็นสื่อแสดงความเห็นของชนชั้นกลาง ที่เราๆ น่ะหรือ จะฝากความหวังไว้ให้กับการขับเคลื่อนประเทศ

สื่อโทรทัศน์เท่านั้นที่จะเป็นความหวังให้กับประเทศด้อยพัฒนานี้ได้ ขอฝากความหวังอันริบหรี่นี้ไว้กับ กระบวนการทวงคืน ITV ครับผม

MrsJan
24 พ.ค. 49

22 พฤษภาคม 2549

โครงการบ้านหลังแรก


ช ่วงนี้ข่าวการเมืองพุ่งเป้าไปที่ กกต. ที่เค้าว่ากันว่าเป็นที่ทำการพรรคแห่งที่ 2 ของไทยรักไทย ก็ออกจะสงสัยว่า กกต. เป็นพรรคการเมืองมีฐานเสียงกับเค้าด้วยหรืออย่างไรกัน มีม๊อบเชียร์ ม๊อบดอกกุหลาบ ม๊อบทำลายทรัพย์สิน สำหรับพวกที่ไม่นิยม กกต. เกิดขึ้นทุกวัน อยากจะบอกว่าปัญหาที่คนเค้าให้ลาออกน่ะ มันไม่ได้เกี่ยวกับข้อหาที่ว่าพวกเอ็งเป็นลิ่วล้อพรรคการเมืองอย่างที่พวกเอ ็งชอบแก้ตัวหรอกว่ะ แต่ปัญหาคือการจัดเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาของพวกแกน่ะ มันไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แล้วยังหน้าทนเหมือนพวกนักการเมืองไม่มีผิด หรือจะเป็นลิ่วล้อเขาจริงๆ อย่างว่า ตามสไตล์ หน้าทน โอหัง ไม่ผิดกฏหมาย ม๊อบเชียร์เสมือน

สิ่งมีชีวิตแผ่นลดไข้ ใช้เวลา 3 วัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ในเว็บบอร์ดของบรรดาแม่ๆ เค้ารู้กันตั้งแต่วันรุ่งขึ้นแล้วว่ามันคือ แผ่นเจลลดไข้ แถมยังมีนายแพทย์ออกมาปล่อยไก่ บอกว่าไม่น่าจะเป็นแผ่นลดไข้ด้วยว่ามันเป็นสีขาว ปกติจะเป็นสีฟ้า อยากจะเตือนคุณหมอหัด ใช้ Internet หาความรู้ใส่หัวก่อนแล้วค่อยออกมาวิจารณ์ จะได้ไม่ต้องหน้าแหก ให้คนเค้าว่าได้ว่าเป็นถึงนายแพทย์ ทั้งที่ตัวเองยังไม่แน่ใจ ก็อย่าเอาประสบการณ์เห่ยๆ ออกมาฟันธง เหมือนพวกนักการเมืองหน้าโง่ ที่ชอบเสนอหน้าให้สัมภาษณ์พล่อยๆ นั่นหละ

ว่ามานานก็เข้าตามหัวเรื่อ งต่อ ตอนนึ้คิดกันอยู่ว่าจะสร้างบ้านสักหลัง ที่แปดริ้วแต่ปัญหาคือช่วงนี้เข้าหน้าฝน ไม่สามารถสร้างบ้านดินได้ ถ้าจะไปอยู่ตอนนี้ก็ต้องอาศัยบ้านคนอื่นอยู่หลายเดือน ก็กำลังคิดดูว่า บ้านหลังเล็กๆ ขนาด 4x4 เมตรจะใช้งบสักเท่าไร ไปศึกษาถามไถ่มาได้ความว่าแค่ตีค่าทำโครงเหล็กคร่าวๆ ก็หลักแสนไปแล้ว แต่ที่ผมต้องการคือหลักหมื่น เพราะไม่มีงบเพียงพอ

ที่หาได้จากในเว็บ ไซต์บ้านราคาถูกของกรมโยธาก็น่าสนใจ เอามาคิดรวมเบ็ดเสร็จแล้วก็น่าจะเหยียบแสนเหมือนกัน แต่เห็นรูปร่างและขนาดแล้วก็ได้ดีกว่าที่คิด คือ ขนาด 4x7 และมีรูปร่างมองเห็นได้ชัดเจน น่าสนใจมากตอนนี้เลยตัดสินใจเอาแบบนี้เป็นคำตอบสุดท้ายไปก่อน จนกว่าจะคิดอะไรใหม่ๆ ออกอีกที

MrsJan
22 พ.ค. 49

20 พฤษภาคม 2549

ชักแม่น้ำทั้งห้า

กลับมาบ้านก็ต้องมาวุ่นวายกันอีกแล้วน้อ เรื่องเดิมๆ ที่ว่าจะไปทำอะไรต่อ มางวดนี้ไม่คิดจะให้มาขายของแล้ว และเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่จะทำด้วย แต่จุดประสงค์เดิมก็ยังอยู่คือยังไงก็อยากให้อยู่แถวๆ นี้ พยายามทุกวิถีทาง เสนอนู่นเสนอนี่ให้ อยู่นี่มีทุนให้ มีที่ให้ มีให้ทุกอย่าง พูดอ้อมไปอ้อมมา ก็คือสรุปถ้าไปอยู่ที่แปดริ้วไม่มีทุนให้ เหอะ เหอะ จะให้แต่ต้องมีข้อแม้กันสักหน่อย

ที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี ้คือผมไปบอกว่าขายบ้านที่ตรังได้แล้วขอส่วนนึงมาเป็ นทุนทำสวนที่แปดริ้ว แต่พอได้ทีก็ต่อรองมีข้อแม้ ฉะนั้นคำตอบที่ผมให้ไปก็คือ ไม่ให้ก็ไม่เอาก็ได้วะ เงินที่สะสมได้จากที่ทำงานเก่า 2 แสนกว่าบาทน่าจะพอทำอะไรได้บ้างอยู่ ไม่น่ามีปัญหา

ช่วงนี้ก็ทำงานนอ กไปเรื่อยๆ เป็นงานที่ติดพันมาตั้งแต่ปีก่อนแล้วยังไม่เสร็จสักที เพราะเพิ่งจะมาปัดฝุ่นกันอีกรอบ แถมงาน flash ก็ยังค้างอยู่กะว่าจะให้เด็กแถวๆ นี้ใส่ effect หน้าแรกให้สักหน่อย จะได้เสร็จไวๆ

ว่าแล้วก็ไปนั่งทำงานนอกแสนน่าเบื่อต่อ ไม่ได้ทำงานของตัวเองสักกะที ทั้งที่โครงการผุดขึ้นมาในสมองเพียบ เซ้งเว้ยยย

MrsJan
20 พ.ค. 49

18 พฤษภาคม 2549

วันสุดท้ายที่เชียงราย

ไม่ได้เขียนมาหลายวันช่วงวุ่นๆ เตรียมย้ายบ้านอีกครั้ง กว่าจะเรียบร้อย ได้มานั่งเขียนต่อตอนนี้ก็ได้มาอยู่ที่กระบี่ (อีกแล้ว) กลับมาพักฟื้นสภาพร่างกายสัก 1 เดือน แล้วค่อยออกเดินทางย้ายบ้านต่อ เขียนย้อนหลังวันนั้นสักนิดก่อนจะกลับมาปัจจุบันอีกครั้ง

ในที่สุดก็ ต้องออกมา พอคิดว่าไม่ต้องตื่นไปทำงานแล้วในวันรุ่งขึ้น มันก็รู้สึกดีใจอีกครั้ง เหมือนครั้งที่ออกจากงานคราวแรก แต่การออกมาคราวนี้งานก็ยังติดตัวออกมาอยู่บางส่วนที่ต้องทำให้เสร็จ แต่ไม่เป็นไรถือว่าเราบอกก่อนออกน้อยไปหน่อย (5 วัน) จริงๆ ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้ แต่ด้วยเหตุจำเป็น ก็ต้องทำงานไถ่โทษกันไป

ผ่าน งานเลี้ยงที่เป็นวัฒนธรรมของกระจกเงาไปแล้ว ว่าอย่างไรเสียก็ต้องเลี้ยง(หมูกระทะ)ส่ง ให้กับผู้ที่เคยร่วมงานกัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดี ทำกันสม่ำเสมอ ไม่เหมือนที่ทำงานที่เก่า นึกมีอารมณ์จะจัดก็จัดหรือ สบโอกาสก็จัด ไม่มีมาตรฐาน บางครั้งก็จัดตามลำดับความสำคัญ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปจัดมันซะให้หมดเลยจะดีกว่า แต่ความเป็นไปได้มันก็คงจะต่างกันแน่นอนอยู่แล้วสำหรับ 2 องค์กรที่วัฒนธรรมต่างกัน ด้านหนึ่งเป็นองค์กรแสวงหาผลกำไร อีกด้านก็เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ก็ลองวิเคราะห์กันดูว่ามันเป็นเพราะอะไร

ผ่านการทำงานในคราวนี้ ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง หลายอย่างก็ไม่เป็นระบบเอาซะเลย แต่ในความไร้ระบบก็มีหลายสิ่งที่อยากนำมันมาใช้งานด้วยเหมือนกัน เอาไว้จะเขียนต่อในอันดับต่อๆ ไปถ้านึกออก หรือผ่านพบมันอีกครั้ง

กล ับมาวันแรกก็เก็บของๆๆ ตอนซื้อของก็ไม่ได้คิดสักเท่าไรว่าจะขนกลับไปได้หรือไม่เพราะคิดว่าจะเอารถก ระบะตอนครึ่งมารับ ที่ไหนได้เอากระบะสองตอนมาเลยต้องลุ้นกันหน่อย ถ้าใครได้มาเห็นรับรองได้ว่าไม่พอแน่นอน ลำพังแค่ตู้เย็นกับมอไซต์ก็ไม่รู้จะไปยัดไว้ตรงไหนแล้ว ต้องเปิดท้ายผูกเชือกไนล่อนเป็นร้อยเมตร กองๆ ยัดๆ เข้าไปให้ได้มากที่สุด ได้สภาพอย่างที่เห็น งานนี้ถ้าไม่ได้มืออาชีพทางการย้ายบ้านจริงๆ ทำไม่ได้แน่นอน เพราะมันลำบากก็ไอ้ตรงที่จะมัดอย่างไรให้มันแน่นหนานี่หละ แล้วยังต้องขับทางไกลอีก 800 ร้อยกว่ากม. -_-'

แต่สุดท้ายก็ถึงบ้านได้โดยสวัสดิภาพ สวัสดีกรุงเทพฯ

* รูปภาพประกอบยังเดินทางมาไม่ถึงกระบี่

MrsJan
18 พ.ค. 49

10 พฤษภาคม 2549

ประวัติศาสตร์ 50 ปี วิดีโอเกมต่อสังคมอเมริกัน ภาค 2


1981-Ms.Pac-Man
เ ป็นเวอร์ชั่นต่อเนื่องขอ ง Pac-Man อันแรก มีการพัฒนากราฟิกและความเร็วในเกมมากขึ้น โดย Ms.Pac-Man ซึ่งเป็นเพศหญิง และกลายมาเป็นตัวละครเกมเพศหญิงในเกมตัวแรกของโลก โดยได้รับความนิยมมากกว่าเวอร์ชั่นแรกมาก

1981-Donkey Kong
เป็นค รั้งแรกที่ชาวอเมริกันได้ยินชื่อบริษัท "Nintendo" จากญี่ปุ่น โดยเป็นเกมที่ต้องมีโจทย์ที่คิงคองจะต้องไปทำให้สำเร็จโดยจะมีบันไดให้ไต่ และการใช้เครื่องมือต่างๆ ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนี้ตัวละครในเกมที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ ๕๐ ปีของวงการที่ชื่อว่า "มาริโอ" ก็ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเกมนี้ โดยชื่อในเกมนี้คือจัมพ์แมน

1982-Pitfall
นักออกแบบเ กมมือดีของ Atari ได้ตัดสินใจลาออกและตั้งบริษัท Activision ขึ้น โดยสร้างโปรแกรมเกมที่มีฐานข้อมูลแบบใหม่ ซึ่งเป็นการวางรากฐานที่ได้รับการพัฒนามาเป็น Mario

1982-Microsoft Flight Simulator
บ ริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จกับระบบปฏิบัติการ Windows นี้ได้พยายามบุกตลาดวิดีโอเกมมาโดยตลอด แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจนกระทั่งมาถึงเกมนี้ โดยเกมที่เป็นเกมฝึกบินนี้ได้รับความนิยมสูงสุด "อย่างบ้าคลั่ง" จากคำของนักวิเคราะห์เกม เป็นครั้งแรกที่คนสามารถขับเครื่องบินได้ทั้งๆ ที่เมาเหล้า

1982-Q*Bert
ก่อนหน้านี้ เกมเป็นสิ่งที่แบนติดจอทีวี มีเพียงสองมิติเท่านั้น เกม Q*Bert เป็นเกมแรกที่มีการให้แสงเงาเกิดมีความเป็นสามมิติขึ้นมาเป็นครั้งแรก เกิดความเป็นพื้นที่โล่งหรือ space ในจอ

1982-Tron
เกมแรกที่สร้า งจากเนื้อหาภาพยนตร์ โดย Tron เป็นภาพยนตร์ sci-fi ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนั้น โดยเป็นการเขียนสัญญาธุรกิจอย่างเป็นระบบระหว่างบริษัทภาพยนตร์กับบริษัทเกม และเป็นอีกครั้งที่ธุรกิจเกมขยายไปเชื่อมกับธุรกิจอื่น

1983-One-on-One
เ นื้อหาของเกมเกี่ยวกับกีฬาบาสเกตบอล เป็นครั้งแรกที่ตัวละครในเกมได้รับการสร้างลักษณะของทรงผม สีผิว และหน้าตาให้มีความแตกต่าง โดยในกรณีนี้คือหน้าตาของนักกีฬาบาสเกตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น

1985-Gauntlet
เ ปิดศักราชการเล่นเกมที่มีผู้เล่นมากกว่า ๒ คนได้ โดยเป็นเกมวางแผนการรบระหว่าง ๔ ฝ่าย หยุดเล่น เซฟเกมได้อย่างที่ต้องการ ทำให้เกิดการเล่นระยะยาวได้อย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องราวเป็นครั้งแรก

1985-Little Compute People
ต ้นกำเนิด platform ของเกม "Sims" ที่มีเรื่องราวดำเนินไปได้อย่างอิสระ โดยเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและกลุ่ม โดยดิสก์แต่ละแผ่นจะมีตัวละครที่สามารถ load เข้าไปในเครื่องได้ กลายเป็นสังคมๆ หนึ่งหรือเมืองๆ หนึ่งที่ผู้เล่นเป็นคนสร้างขึ้น

1985-Super Mario Bros
เ กมผจญภัยของพ่อหนุ่มพุงพลุ้ยหนวดเฟิ้มที่ชอบกินเห็ด โดยต้องไปต่อกรกับมังกรยักษ์เพื่อช่วยเจ้าหญิง เป็นพล็อตเรื่องที่คนออกแบบเกมนำมาใช้จนทุกวันนี้

ยอดขายทั้งหมด ๔๐ ล้านก๊อบปี้ ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของวิดีโอเกม "มาริโอ" ยังคงปรากฏตัวในเกมรุ่นใหม่ๆ จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งสำหรับในเมืองไทย คนที่เป็นพ่อแม่ลูกอ่อนหลายๆ คนในปัจจุบันนี้ ตอนเด็กอาจจะเป็นผู้หนึ่งที่ติดเกมนี้ชนิดหัวปักหัวปำ ถึงขนาดรบเร้าให้ผู้ปกครองซื้อเครื่อง Famicom ให้ก็เพื่อที่จะเล่นเกมนี้

1985-Tetris
ใ นขณะที่คนอเมริกันเชื่ออีกครั้ง (จากที่เชื่อมาแล้วหลายๆ ครั้ง) ว่าฝ่ายคอมมิวนิสต์กำลังจะวางแผนทำลายสหรัฐอเมริกาให้ราบเป็นหน้ากลอง นักคณิตศาสตร์ชาวรัสเซีย Alexey Pajitnov ก็ได้คิดค้นเกมที่ "มีคนติดมากที่สุดในโลก" ขึ้นมา ตามสถิติของสหรัฐอเมริกา โดยทำให้วงการเกมของสหรัฐอเมริกาแทบราบเป็นหน้ากลองจริงๆ กับเกมประลองเชาวน์ที่ต้องใช้ทั้ง logic และความเร็วของเกมนี้

1989-John Madden Football
ก ับเกมที่มีเนื้อหากีฬาอเมริกันฟุตบอลอีกครั้ง โดยเป็นครั้งแรกที่มีการนำคนที่มีตัวตนจริงๆ ซึ่งได้แก่นาย John Madden โฆษกอเมริกันฟุตบอลชื่อดัง เข้าไปเป็นตัวละครในเกม เป็นครั้งแรกที่มีการเซ็นสัญญาระหว่างบริษัทเกมและบุคคลที่มีชื่อเสียงเพื่อ นำเสียงและลักษณะท่าทางของเขามาใช้ในเกมซึ่งจะมีอย่างแพร่หลายต่อมาในยุค หลังๆ โดยเกมนี้มีเสียงบรรยายและการเคลื่อนที่ของผู้เล่นเริ่มเหมือนจริง และมีการวางแผนอย่างเป็นระบบมาก โดย John Madden Football นี้ยังคงมีการออกมาทุกปีอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

1992-Mortal Combat
ถ ึงแม้ว่าจะไม่ใช่เกมๆ แรกที่มีลักษณะของการฟาดฟันกันในลักษณะของการต่อสู้ระหว่าง ๒ ฝ่ายบนจอ แต่เป็นเกมแรกที่การต่อสู้มีการฉีกร่างคู่ต่อสู้เป็นชิ้นๆ อย่างเหี้ยมโหด เรียกได้ว่าเลือดท่วมจอจริงๆ โดยที่เมื่อพ่อแม่ของเด็กๆ เกิดอาการกังวลเป็นอย่างมาก จนเป็นสาเหตุให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ในสังคมอเมริกันอีกครั้ง ได้แก่การให้ "เรตติ้ง" กับเกม ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงมากกับภาพยนตร์ โดยแบ่งออกเป็นอายุของผู้เล่น โดยปัจจุบันแบ่งเป็นหลักๆ ได้แก่ E (Everyone) สำหรับทุกๆ คน, E 10 สำหรับเด็กอายุเกิน ๑๐ ขวบ, T (Teen) สำหรับเด็กอายุเกิน ๑๓ ปี, M (Mature) สำหรับบุคคลอายุเกิน ๑๗ ปี

1993-Doom
เ กมยิงและฆ่าปิศาจในระบบสามมิติบนคอมพิวเตอร์ ที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก นอกจากว่าเป็นเกมแรกของโลกที่มีระบบเน็ตเวิร์กเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดโลกของเกมออนไลน์ขึ้น (ปัญหาของเด็กไทยที่พ่อแม่เป็นห่วง) คนเล่นแข่งกันได้จากทุกๆ แห่งในโลก

1996-Tomb Raider
เป็นยุคที่ม ีเกมมากมายในตลาดและมีเครื่องหลายๆ แบบออกมา เกิดการแข่งขันกันอย่างมหาศาล แต่สำหรับในแง่ของเกมๆ นี้ กราฟิกที่มีการคิดค้นออกมา และการเคลื่อนที่ของนางสาว Lara Croft นับว่าก้าวหน้ามากที่สุดในยุคนั้น และกลายมาเป็น platform ของเกมผจญภัยและต่อสู้ในสามมิติอื่นๆ ที่ตามมา

1997-Golden Eye 007
อ ีกเกมที่สร้างจากภาพยนตร์ แต่เป็นครั้งแรกที่เกมประเภท First Person Shoot เช่นเดียวกับ Doom นั้น ข้ามจากโลกของ PC เข้ามาอยู่ใน Nintendo 64 ซึ่งเป็นเครื่องเล่นอีกประเภทที่ต่อเข้าจอทีวี

1999-Everquest
เก มออนไลน์ที่มีเนื้อหาผจญภัยเกมแรกที่มีคนเข้าร่วมเล่นได้เป็นเรื่องเป็นราว โดยท้องเรื่องนั้นคล้ายๆ กับ Lord of the Rings ต่อเนื่องกันยาวนานได้เป็นปีๆ เรียกได้ว่าไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว เล่นเกมเป็นชีวิตไปเลย โดย ณ จุดสูงสุดของความนิยมนั้น มีคนเล่นอยู่ถึง ๕๐๐,๐๐๐ คน ทั่วโลก เป็นเด็กเล็กๆ ทั้งสิ้น

2001-Black & White
เ ป็นเกมที่มีเรื่องราวอยู่บนเกาะๆ หนึ่งที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ ซึ่งฟังดูก็น่าจะมีเนื้อหาธรรมดาเรียบๆ แต่สร้างเสียงโจษจันกันมากในหมู่คนอเมริกันเกี่ยวกับเนื้อหาของเกม เพราะผู้เล่นเกมนั้นต้องทำหน้าที่เป็นนายเหนือหัวที่ต้องคุ้มครองและดูแลผู้ คนเหล่านี้ ซึ่งนายเหนือหัวในที่นี้ไม่ใช้กษัตริย์ แต่เป็น "พระเจ้า"

2003-Grand Theft Auto III
เ กมที่ทำให้วงการเกมต้องปั่นป่วนอีกครั้งกับยอดขายถล่มทลาย และโครงสร้างของเกมที่เป็นการรวมเอา Action, Strategy, เรื่องราว การขับรถ การยิงปืน ไว้ด้วยกันได้ในเกมเดียว และแน่นอนว่าต้องทำให้ผู้ปกครองทั้งหลายปวดหัวอีกครั้งกับเนื้อหาเกมที่แสนจ ะรุนแรง

บทความจาก
ศิลปะวัฒนธรรม

MrsJan
10 พ.ค. 49

05 พฤษภาคม 2549

ประวัติศาสตร์ 50 ปี วิดีโอเกมต่อสังคมอเมริกัน ภาค 1

1958-Tennis for Two
ก ระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกาได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการสร้างเกมบนคอมพิวเตอร์ ได้เป็นครั้งแรก โดยเป็นเกมเทนนิส จุดประสงค์ก็เพื่อเป็นการแสดงให้โลกคอมมิวนิสต์เห็นแสนยานุภาพของเทคโนโลยี ของสหรัฐอเมริกาว่า "ข้าสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเท่ารถสิบล้อขึ้นมานี่ก็เพื่อเอามาเล่นเกม สนุกๆ เท่านั้นเอง" แต่รู้สึกว่าโลกคอมมิวนิสต์ไม่ได้บ้าจี้ไปแข่งเรื่องเล็กๆ ตรงนี้ด้วย เพราะก่อนหน้านั้นเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๕๗ ได้ส่ง "สปุตนิก" ดาวเทียมดวงแรกของโลกไปโคจรรอบโลกแล้ว

1972-Pong
เมื่อคอมพิวเตอร ์กลายสภาพจากสิ่งที่เป็นของแพงสุดๆ ที่รัฐบาลหรือบริษัทใหญ่เท่านั้นที่จะมีได้ มาเป็นของที่เริ่มถูกลงพอให้ห้างร้านเล็กๆ เริ่มซื้อได้ วัฒนธรรมของ Arcade Game หรือตู้เกมก็เกิดขึ้นเข้ามาแทนที่เกมอย่าง pin ball หรือเกมฟุตบอลที่ใช้ไม้หมุนๆ โดยเกม Pong ซึ่งเป็นเกมเล่นปิงปองนั่นเอง เป็นเกมแรกที่เปิดศักราชวิดีโอเกมให้เข้าสู่สายตาของสาธารณชน

1974-Gran Trak 01
ใ นขณะที่ประธานาธิบดี Richard Nixon กำลังแพ้ภัยตัวเองจากคดีการติดเครื่องดักฟังสำนักงานพรรคฝ่ายค้าน หรือที่รู้จักกันในนามคดี Water Gate จนต้องออกจากตำแหน่งในที่สุดนั้น บริษัท Atari (บริษัทของคนอเมริกัน ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๒) พัฒนาโปรแกรมเกมแข่งรถขึ้นมาได้เป็นครั้งแรก โดยที่เวอร์ชั่นแรกนี้ รถเป็นเพียงจุดเล็กๆ เท่านั้น และไม่ได้แข่งกับใครเลยนอกจากจับเวลากับตัวเอง

1975-Gun Fight
เก มแรกที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับปืนและการดวลปืน เป็นเรื่องราวของตะวันตก เป็นเกมแรกของตู้เกมในสหรัฐอเมริกาที่นำเข้าจากญี่ปุ่น โดยในยุคต่อมาญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่เข้าควบคุมตลาดเกมทั้งโลก

1976-Breakout
ใ ครที่เป็นเจ้าของเครื่องเล่น MP3 ที่เรียกว่า iPod ของบริษัท Apple อาจจะทราบว่ามีเกมที่เรียกว่า Brick อยู่ ซึ่งเป็นเกมเดียวกับ Breakout เมื่อครั้งกระโน้น โดยที่คนออกแบบนั้นเป็นคนที่ทำงานกับ Atari ที่เป็นเจ้าของเกมนี้มาก่อน แล้วจึงลาออกมาร่วมก่อตั้งบริษัท Apple Computer

1976-Death Race
แนวการเล่นของเกมคือการขับ รถทับคนเดินถนน ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม เกี่ยวกับความรุนแรงของเนื้อหาเกม และเป็นจุดกำเนิดของแนวทางการว่าความของทนายความในคดีขับรถชนคนของเด็กวัย รุ่นที่เล่นเกมนี้ ว่า "เป็นความผิดของวิดีโอเกมที่ทำให้ผมขับแบบนั้น ไม่ใช่ความผิดของผม"

1978-Space Invaders
เป็นเกมแรก เกี่ยวกับสงครามอวกาศที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เป็นครั้งแรกที่มีการนับคะแนนอย่างเป็นระบบในเกม โดยมีเด็กกลุ่มหนึ่งในรัฐเทกซัสที่ติดเกมมาก และรวมตัวกันหยุดเรียนอย่างถาวรเพื่อจะเล่นเกม จนเป็นเหตุให้ทางราชการสั่งยกเลิกและห้ามนำเข้าตู้เกมชนิดนี้เข้ามาในรัฐ

1978-Atari Football
เ ป็นเกมกีฬาซับซ้อนเกมแรก โดยมีเนื้อหาเป็นของอเมริกันฟุตบอล แม้ว่าผู้เล่นจะเป็นเพียงเครื่องหมายวงกลมและกากบาทเท่านั้น โดยเป็นเกมแรกที่จอสามารถเลื่อนมุมมองได้อีกด้วย เป็นข้อพิสูจน์ว่าเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่แข็งแรงก็สามารถเก่งอเมริกันฟุตบอลได้

1979-Asteroids
เ กมเกี่ยวกับสงครามอวกาศ เป็นเกมแรกที่มีการเดินทางไปด้านข้างจากขวาไปซ้ายที่จะเป็นรูปแบบการพัฒนา ของเกมเนื้อหานี้ต่อไปในอนาคต (จนถึง "Gradius" อันลือลั่น) โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เป็นเกมแรกที่อนุญาตให้ผู้เล่นใส่ชื่อย่อ ๓ ตัวเข้าไปหลังคะแนนสูงสุดที่ทำได้ ซึ่งก่อให้เกิดการแข่งขันกันในวงกว้างระหว่างผู้เล่นต่อผู้เล่นในระยะยาว เป็นครั้งแรก เกิดเป็นสังคมที่มีการแข่งขันเกมกันขึ้นมา

1979-Galaxian
เป็นเกมสงครามอวกาศที่ใช้แนวทางการจัดแบบเดิมคือแนวตั้ง ที่ล้าหลังกว่า Asteroids แต่ว่าเป็นครั้งแรกที่มีการใส่ "สี" ให้กับจอตู้เกม

1979-Adventure
เ ป็นเกมแรกที่มีการ "ซ่อน" เนื้อหาย่อยในเกม ซึ่งเป็นสีสันที่สำคัญมากของเกมยุคปัจจุบัน ให้ต้องมีการขบคิดถอดรหัสเพื่อที่จะค้นหา แต่รางวัลก็ไม่ได้มีอะไรมาก สิ่งที่เจอคือชื่อของคนเขียนเกมแค่นั้น (คนเล่นอยากจะด่าคนออกแบบเกมมาก)

1980-Pac-Man
น ักกินมหัศจรรย์ที่ต้องหลบผีตาโตในจอ ที่ทำให้คนทั่วไปทั้งโลกทั้งที่เล่นและไม่เล่นได้รู้จักกับวิดีโอเกม (เข้าสู่ Pop Culture) โดยเป็นตัวละครในเกมตัวแรกที่มีบริษัทการตลาดใช้ไปทำสินค้าเด็ก เช่น กล่องอาหารกลางวัน ของเล่น ฯลฯ เป็นครั้งแรกที่ธุรกิจเกมมีการเชื่อมต่อกับธุรกิจด้านอื่น

1980-Major League Baseball
เ นื้อหาเป็นเกมเบสบอล และเป็นครั้งแรกที่มีการนำโฆษณาจากภายนอกเข้ามาในเกม และเกิดเป็นรายได้ด้านใหม่ของบริษัทผลิตเกม โดยเป็นโฆษณาของสหพันธ์เบสบอลของสหรัฐอเมริกาเอง นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีการออกเกมประเภทเดียวกันของ ๒ บริษัทผลิตเกมเพื่อแข่งขันกันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน โดย Major League Baseball ของบริษัท Intelivision ชนะ Home Run Baseball ของ Atari แบบขาดลอย

บทความจาก
ศิลปะวัฒนธรรม

MrsJan
5 พ.ค. 49

02 พฤษภาคม 2549

ที่เค้าเรียกว่าสันดาน

"เราพร้อมสนองพระราชดำรัส และถ้าผลการตัดสินของศาลเป็นอย่างไรเราก็ต้องยอมรับ เราอยู่ในกติกา" คำพูดใครไม่ต้องไปใส่ใจเพราะวันนี้มันพูดเหมือนกันหมด แต่เราลองมาดูการกระทำกัน

ขณะนี้ลูกพรรคไทยรักไทยหรือเหล่าบรรดาว่าที่ ส.ส. 485 คน เตรียมยื่นฟ้องและถอดถอนศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าหากว่าศาลตัดสินให้ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็น "โมฆะ" เพราะตอนนี้เริ่มมีแนวโน้มจะเป็นอย่างนั้น

ในขณะเดียวกันแกนนำพรรคกล่าวว่า วันนี้เราต้องไม่ไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมเตือนฝ่ายตรงกันข้ามไม่ให้เข้าไปกดดันศาลกรณีการเลือกตั้งให้เป็นโมฆะ แต่กรณีสำหรับลูกพรรคไทยรักไทยที่เตรียมยื่นฟ้องนั้น ทำไปในนามบุคคลไม่เกี่ยวกับพรรค เป็นอิสระ พรรคควบคุมไม่ได้

หึหึหึ เริ่มขำแล้วสิ

คำถาม
1. ไหนบอกว่ายอมรับผลการตัดสินวะ
2. ไหนบอกว่าพร้อมสนองพระราชดำรัส (ที่ต้องการให้ 3 ศาลร่วมหาทางแก้)
3. อะไรที่ไม่ถูกใจพรรค ก็ต้องเดินตามมติพรรคอย่างเคร่งครัด เรื่องที่มีผลดีต่อพรรค กลายเป็นพรรคแสนประเสริฐ ลูกพรรคสามารถทำได้เป็นอิสระ ตกลงเอาไงแน่

คำถามสุดท้าย เติบโตมาด้วยการรับประทานอาจมเป็นอาหารหรือเปล่าวะ ถึงได้เติบโตมากลายเป็นคนมีปมด้อยกันได้ขนาดนี้

จริงๆ ไม่ค่อยอยากเขียนเรื่องพรรค์นี้สักเท่าไรแล้ว แต่เดี๋ยวจะลืมกันไปคิดว่า หลังม็อบแล้วเรื่องมันจะสงบสุข เตรียมรอรับการชุมนุมระลอกใหม่กันให้ดี สัญญาณมาแล้วว่า มันจะกลับมาอีกครั้ง

MrsJan
2 พ.ค. 49

01 พฤษภาคม 2549

Bluetooth USB Dongle ภาค 2

ช่วงสัปดาห์นี้ไปซื้อ Sim แบบ เหมาจ่ายของ True มาต่อใช้งาน GPRS แบบ Unlimited รายเดือนเดือนละ 350 (เฉพาะค่าใช้ GPRS ค่าโทรต่างหาก) เลย Online มันตั้งแต่ตื่นจนหลับ เนื่องจากเก็บกดมานาน เวลาอยู่ที่ห้องไม่เคยได้ใช้ Internet เลย

เมื่อวานได้ทำการทดสอบ ต่อบน Linux แล้ว ได้ผลไม่ค่อยน่าพอใจ ใช้ Option persit ต่อท้ายคำสั่ง pppd ไปแล้ว เรื่องปัญหา 2 นาทีตัดหมดไป แต่กลายเป็นว่าคราวนี้ก็ตัดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะตัดตอนไหน 10 นาที บ้าง 5 นาทีบ้าง ไอ้ที่ตัดนั้นเป็นการขาดการติดต่อระหว่าง Bluetooth ไม่ใช่จาก GPRS

เคยได้ยินมาว่า มี Bluetooth อยู่ยี่ห้อนึงเค้าทำปลอมกันมาเยอะมากยี่ห้อ Billionton เค้าเรียกกันว่า USB Dongle จากจีนแดง ส่วนอันที่ใช้อยู่ก็เป็น USB Dongle จีนแดงเหมือนกันแต่ไม่ใช่ของทำเลียนแบบ Billionton เค้าว่ากันว่า Billionton ของปลอมมันตัดบ่อย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เกี่ยวหรือเปล่า เพราะ ของผมที่ตัดบ่อยนั้นใช้กับ Linux แต่ที่ผม Online ได้ทั้งวันนั้น ใช้ Windows ในการต่อแทน ก็ไม่มีปัญหาใดๆ

สรุปผลการทดสอบบน Linux ก็เป็นอย่างที่ว่ามา คงไม่หาทางต่อแล้วมั้ง เพราะเมื่อวานนี้ก็มึนทั้งวันแล้ว และต่อไปก็คงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ต่อ พอลงหลักปักฐานแล้วก็คงจะปิดเบอร์นี้ทิ้งไปเสีย เพราะ ค่าโทรมันก็แพงกว่าแบบเติมเงินซะด้วย

MrsJan
1 พ.ค. 49

28 เมษายน 2549

สื่อบันเทิงจากต่างชาติ ครอบงำเรา!?

ด้ไปอ่านเนื้อหาน่าสนใจประกอบกับที่เคยอ่านเดิมเกี่ยวกับ กรณีศึกษา "ละครไทยเปลี่ยนเสียงไต" ไตที่ว่านี่คือชาวไตหรือไทยใหญ่ครับ คงรู้กันอยู่แล้วว่าแถบประเทศเพื่อนบ้านเราเนี่ย มักจะนิยมละครไทยเรามากอยู่พอสมควร ทีนี้พอเค้าเอาไปพากษ์เป็นภาษาไต พวกชื่อตัวละครอะไรก็เปลี่ยนเป็น ภาษาไต หมด เช่น กบ สุวนันท์ ชื่อไทยใหญ่ เป็น "เขียวยุ้ม", คัทลียา เป็น "คำหลาว", วิลลี่ เป็น "ขุนฟ้าโหลง" และแน่นอนข่าวคราวความเคลื่อนไหวของดาราไทยก็ได้รับความสนใจและติดตามจากชาว ไทยใหญ่ด้วยเช่นกัน อย่างเค้าว่า ข่าวท้องก่อนแต่งของ "คำหลาว" ได้สร้างความผิดหวังให้กับชาวไตเป็นอันมาก

ทีนี้ประเด็น คือ เรื่องของการเสพละครไทยของชาวไตนั้นได้มีผลต่อความคิดและอุดมคติของชาวไตเป็นอย่างมาก เราคงมองเห็นกันว่า ละครไทย ลักษณะก็อย่างที่พวกดูละครนั่งดูไปก็บ่นไปว่า "นี่ วันๆ มันไม่ทำมาหากินอะไรกันบ้างหรืออย่างไร" หรือ ภาพที่บ่งบอกถึงความหรูหราทันสมัย บริโภคความเดิร์นของยุคสมัยกันสุดเหวี่ยง ฉากบ้าน สวย งดงาม จนทำให้เกิด มโนภาพ จินตนาการ ออกไปว่า เมืองไทยนี่มันช่างศิวิไลศ์เพียงนี้ ถ้าได้ไปอยู่คงจะสุขสบายกว่าที่เป็นอยู่

ในปัจจุบันมีชาวไตอพยพมาอยู่ในเมืองไทยกันเป็นจำนวนมากจากปัญหาการว่างงานแล ะอื่นๆ ซึ่งจากทางผู้ทำวิจัยเองเชื่อว่า ส่วนหนึ่งของการตัดสินใจ แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด คือ การเสพละครไทยกันในลักษณะนี้นั่นเอง โดยที่เมื่อได้มาจริงๆ แล้ว พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอความจริงที่สภาพต้องทำงานหนักตลอดเวลา สภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่เลวร้าย พักอยู่ในห้องแคบๆ ซึ่งมันก็ไอ้สภาพอย่างที่เราๆ เห็นกันอยู่ ในกรุงเทพฯ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นแหละ (หรือว่าไม่เห็น)

คงไม่ปฏิเสธเหมือนกันว่าเวลาเราดูหนังละครของชาติอื่นก็อาจจะจินตนาการเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนได้เหมือนกัน เหมือนกับกระแสการคลั่งไคล้หนุ่มเกาหลีของผู้หญิงญี่ปุ่นที่เสพผ่าน Winter Love Song แต่อย่างไรก็ตามผมมองว่าการเกิดกระแสการคลั่งไคล้เพราะต้องการตามหาอุดมคติแบบที่เห็นในหนังนั้น อีกด้านก็เป็นเพราะความที่ของที่มันมีอยู่และที่ตัวเองเป็นอยู่มันไม่น่าพึงพอใจสักเท่าไรด้วยนั่นหล่ะ

อีกเรื่องเคยอ่านเจอมานานแล้ว เกี่ยวกับความฝันของหญิงสาวชาวญี่ปุ่น ผู้เสพสัญลักษณ์ของฝรั่งเศส ผ่าน Louis Vuitton และความเป็นเมืองแฟชั่น โดยใฝ่ฝันว่าถ้าได้ไปอยู่คงจะได้เห็นของจริงเหมือนที่ได้จินตนาการเอาไว้ แต่ถึงเวลาเมื่อได้ไปอยู่จริง ไปเจอกับสภาพที่เป็นจริงทำให้รู้สึกผิดหวัง พวกแหล่งเสื่อมโทรมที่เธอเคยเห็นเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น มันไม่ได้เลิศเลออะไรอย่างที่เธอเคยคิดเลย

ที่ว่ากันว่าทุกวันนี้โดน สื่อจากต่างชาติเข้ามาครอบงำเรานั้น มันก็มีลำดับความปัญญาอ่อนที่ครอบงำต่อๆ กันไปตามระดับการพัฒนาวัตถุของแต่ละประเทศนั่นแล

ข้อมูลบทความจาก
ThaiNGO.org
รูปภาพจาก
Ch7

MrsJan
28 เม.ย. 49

25 เมษายน 2549

ออกจากโรงพยาบาล

นอนไม่ค่อยหลับเลยทั้งคืน ดูเหมือนว่าพยาบาลจะเข้ามาตรวจทุกๆ 2 ชม. ก็มันไม่ใช่โรงแรมนี่หว่า (ถึงจะคล้ายก็เถอะ) หลังจากผ่านการปรนนิบัติอย่างดี มา 1 วัน 1 คืน ก็ได้เวลาเช็คบิลกันแล้ว ผมลองใช้ประกันสุขภาพของเมืองไทยประกันชีวิต ตามคาดคือ เบิกไม่ได้ (55 กูว่าแล้ว) เพราะเป็น Case เดียวกับการคลอดบุตรไม่สามารถเบิกได้ ประกันสังคมก็ทำไปได้แค่เดือนเดียว สรุปงานนี้ คือต้องควักเอง นั่งร่ายบิลค่ารักษาพยาบาล ถึงได้เห็นว่า มันคิดทุกก้าว ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้านแล้ว

ที่หงุดหงิดนิดหน่อย คือ ค่ารถพยาบาลระยะทาง 1 กม. 500 บาท, ค่าใบยื่นใบประกัน (แล้วเบิกไม่ได้) 110 บาท ค่าหมอเดินมาดูถามไถ่นิดๆ หน่อยๆ คราวละ 200-300-400-500 บาท รวมอื่นๆ อีกนิดๆ หน่อยๆ ไม่มาก ไม่มาย รวมหมดแล้ว แค่ 5,421 บาท (ถ้าไปกรุงเทพคงเหยียบหมื่นไปแล้วมั้ง เอิ๊ก)

ขอยืมคำพวก Marxist อีกสักครั้งว่า "นี่มันขูดรีดกันอีกแล้ว"

บทเรียนครั้งนี้ผมได้ข้อสรุปว่า ประกันสุขภาพของเอกชนจะมีข้อจำกัดในส่วนที่เราต้องการจะใช้เสมอ ไอ้ส่วนที่เราไม่ค่อยจะเกิดบ่อยๆ นั่นหละมันถึงจะจ่าย จริงๆ ผมก็ได้ยกเลิกประกันสุขภาพของตัวเองไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว เพราะ จะเอามาจ่ายประกันสังคมอย่างเดียว แต่ในส่วนที่เคยจ่ายของเอกชน ต่อไปผมจะเก็บเข้าบัญชีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเอง เก็บเองจ่ายเองดูจะคุ้มค่ากว่า แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ ผมจะไม่ยอมป่วยอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นคือการประกันสุขภาพที่ดีและยั่งยืนที่สุด เป็นหนึ่งใน Project ที่ผมจะทำมันให้ได้

ณ. เวลานี้ผมอยากได้ หมอ กับ ทนายความมาร่วมขบวนการด้วยเหลือเกิน เพราะ 2 สิ่งนี้เป็นอาชีพที่มีความจำเป็นต่อปัญหาความยากจนและการถูกเอารัดเอาเปรียบ มากที่สุด และอีกหนึ่งอย่างที่ผมต้องการมาเป็นพวกด้วยคือ ตำรวจ แต่ที่โชคร้ายตอนนี้คือ ยังนึกไม่ออกเลยสักคน

MrsJan
25 เม.ย. 49

24 เมษายน 2549

กลบทุกข์ด้วยสื่อบันเทิง

วันนี้เราได้ดูโทรทัศน์ในรอบกี่เดือนก็ไม่รู้ แต่ทุกอย่างดูเหมือนไม่ได้ดูมานานมากแล้ว เห็นรายการคุยคุ้ยข่าวแล้วตกใจ เฮ้ยคุ้นๆ อ๋อใช่เลย ไม่ได้ดูโทรทัศน์มานานมากแล้วนี่เรา เรากลบความทุกข์ไปชั่วคราวด้วยโทรทัศน์ที่น่าตื่นตา ไม่ได้ดูมานานก็จริงแต่ข่าวบนจอก็ยังคงวุ่นวายอยู่เป็นปกติ ด้วยข่าวการเมือง แต่วันนี้ผมกลับให้ความสนใจกับรายการ VIP ที่เชิญเศรษฐีใหม่มาร่วมรายการ เค้าว่าเป็นเจ้าแม่รถทัวร์ ผู้พก How to แห่งความสำเร็จแบบเชยๆ อย่างว่า ตื่นก่อนตะวัน นอนหลังตะวัน เรื่องสำคัญคือขยัน อยากจะประสบความสำเร็จอย่างดิฉันต้องขยันค่ะ แต่เจ๊แกลืมบอกไปอย่างครับว่า ต้องกินแรงงานส่วนเกิน (ยืมคำพูดพวก Marxist) ให้มากๆ ด้วย ไม่งั้นจะรวยไม่ได้เด็ดขาด เหอ เหอ (อันนี้ยืม blog เพื่อนบ้านมา)

คนเค้าเรียกเธอคนนี้ว่า "เจ๊เกียว เชิดชัย" เจ๊เกียวคนเดียวกันที่บอกว่าจะหยุดเดินรถถ้าไม่ให้ขึ้นราคาค่าโดยสารนั่นหละ ครับ เจ๊แกบอกว่าธุรกิจของเค้านั้นหลักพันล้าน เป็นคำถามที่พิธีกรคะยั้นคะยอเอาจนได้ เพราะเจ๊แกขอไม่ตอบ ตอนนี้ค่าน้ำมันที่ขึ้นไม่หยุด ทำให้ธุรกิจพันล้านของเจ๊เกียวจะอยู่ไม่ได้เพราะกำไรมันลดลง ผมออกจะเห็นใจพวกคนเหล่านี้ที่ปากชอบบอกว่าไม่ยึดติด แต่การกระทำมันไม่ออกมาอย่างนั้น

จากภาพในทีวี ทั้งพิธีกร ทั้งแขกรับเชิญ รับลูกยอ ลูกสรรเสริญกันไม่หวาดไม่ไหว เจ๊เกียวผู้สมถะ ใจบุญ เก่งกาจ อาจสามารถ แล้ว Step ต่อไปของพวกนี้คือ เจียดเงิน ทำมูลนิธิ อันที่จริงคุ้นๆ ว่า นี่มักจะเป็น Step ของความเข้าใจของคนรอบข้างจริงๆ หนอ มีเพื่อน มีแม่ มีญาติ แนะนำและเข้าใจได้เป็นเสียงเดียวกันว่า ขุนตัวเองให้รวยก่อนแล้วค่อยเอาเงินไปทำมูลนิธิ ผมคิดในใจว่า "ถ้าขืนกูมารอให้รวยก่อนก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะกูมันขี้เกียจหาเงิน !!" เดี๋ยวจะไม่เข้า Concept ใช้เงินให้น้อยแต่เพิ่มประสิทธิภาพให้มาก กันพอดี

MrsJan
24 เม.ย. 49

ฉุกเฉิน

หลังจากวันนั้นได้รับโทรศัพท์จากทางบ้านตลอดทั้งวัน และคำแนะนำจากญาติ ทางฝ่ายของผมเห็นควรให้ขูดมดลูกโดยเร็วที่สุด ไม่อยากให้ออกมาเองตามธรรมชาติ เพราะทั้งแม่และน้าเคยประสบมาแล้วว่า ถ้าอ่อนแอจะอาการหนักน่าเป็นห่วง ส่วนอีกฝ่ายแนะนำว่าถ้าออกมาเองได้จะดีกว่า เพราะการขูดมดลูกอาจจะทำให้ระคายเคืองต่อมดลูกได้

ทางบ้านเป็นห่วงมากอยากให้กลับไปได้รับการดูแลที่บ้านเสนอกันไปเสนอกันมา สรุปได้ว่าไปรักษาตัวที่กรุงเทพ ทางญาติๆ จะได้มาดูแลได้ จึงได้ตัดสินใจจองเครื่องบินไปกรุงเทพในคืนวันจันทร์

วันนี้ภรรยามีอาการปวดท้องถี่ขึ้นๆ ขณะกลับมาเก็บของ อาการเริ่มแย่ลง ปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องเรียกรถพยาบาลมารับตัวเนื่องจากว่า ไม่สามารถเดินทางไปเองได้แล้ว พอไปถึงทางหมอบอกให้รีบขูดมดลูกฉุกเฉินเพราะถ้าให้ออกมาเอง อาจจะทนไม่ไหว แน่นอนผมต้องตกลงตามนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการตัดสินใจของหมอแล้ว

หลังจากรักษาแล้วอาจต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล 1 คืน เราต้องยกเลิกเที่ยวบินนี้ ด้วยเหตุสุดวิสัย ทางสายการบินให้ผมส่งใบรับรองแพทย์ไปโดยเร็วที่สุด เค้าบอกจะทำการยกเลิกเที่ยวบินและ Refund ให้ครบจำนวน ภายใน 14 วันซึ่งผมจะต้องติดตามต่อไป นับได้ว่าเป็นบริการที่ประทับใจมาก สายการบินที่ว่าคือ สายการบิน Air Asia

MrsJan
24 เม.ย. 49

22 เมษายน 2549

ความสุขที่หายไปในพริบตา

วันนี้ น่าเป็นวันที่มีความสุขอีกนึงวันที่จะได้เห็นการเจริญเติบโตของ "นำทาง" (ชื่อลูกของผมที่ค่อนข้างจะเป็นทางการ) เป็นการไปตรวจครรภ์ตามหมอนัดครั้งที่ 2 เป็นการตั้งครรภ์ได้ 2 เดือนเศษๆ ตรวจเสร็จก็กลับมาบ้าน สักพักได้ยินเสียงร้องเรียกจากห้องน้ำ บ่งบอกถึงความผิดปรกติ เราจึงได้รีบเดินทางกลับไปหาหมออีกครั้ง หมอสั่งให้อุลตร้าซาวด์ด่วน ผมมองดูหน้าจอ อย่างตื่นเต้น สักพักได้ยินหมอพูดเบาๆ ว่า "ไม่เห็นตัวเด็ก"

หมอลอง Scan ดูต่อไป มองเห็นช่องสีดำๆ อย่างที่หมอบอกว่าตอนนี้ตัวเด็กจะมีขนาดประมาณ 2 ซม. แต่ที่เรามองลงไปตรงช่องนั้นมีแต่ความว่างเปล่า "เด็กหยุดการเจริญเติบโต" หมอพูดเบาๆ "ตอนนี้มีทางเลือกอยู่สองทาง คือ รอให้ออกมาเองหรือว่าจะขูดมดลูกตอนนี้เพื่อความสบายใจไม่ต้องกังวลกับผลที่ต ามมา" ณ.เวลานั้นผมเริ่มรู้สึกหายใจขัด ผมเหลือบไปมองเห็นภรรยาน้ำตาคลอเบ้า อยู่บนเตียงตรวจ

เรากลับบ้านไม่ได้พูดอะไรกันตลอดทาง เมื่อกลับมาถึงความเงียบก็ครอบงำเราอีกครั้ง ไม่นานนักจึงได้ระบายความในใจของทั้งคู่ออกมาด้วยน้ำตา

MrsJan
22 เม.ย. 49