26 กุมภาพันธ์ 2549

"แล้วก็ยุบสภา" (Dissolve of Parliament)

วันนี้เป็นดีเดย์รวมพลครั้งที่ 3 และเป็นครั้งแรกที่กองทัพธรรมประกาศร่วมขบวนด้วยยืดเยื้อ ที่ๆ ผมพักอยู่ไม่มีทั้งวิทยุและโทรทัศน์มีเพียงแค่หนังสือพิมพ์เท่านั้นที่จะทำใ ห้ผมได้รับรู้ข่าวสารจากภายนอกได้ ท่ามกลางการประท้วงหลายแห่งทั่วประเทศ ทักษิณประกาศยุบสภาก่อน ดีเดย์ 2 วัน ได้สร้างความตกอกตกใจให้กับบรรดาพรรคร่วมฝ่ายค้านจนตั้งตัวไม่ติด (เหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวก) ถึงขนาดคิดที่จะร่วมมือกันประท้วงไม่ส่ง ส.ส. ลงเลือกตั้งในครั้งนี้ อันที่จริงก็เป็นไปตามคาดอยู่แล้วว่าหนทางที่ดีที่สุดหรือไม้ตายสุดท้ายของ เค้ามันก็มีแต่ทางนี้เท่านั้น แต่จะถูกใจใครหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องนึง!!

การลาออกของผู้เฒ่ากลุ่มวังน้ำเย็นเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ ดีกว่าที่จะขมขื่นอยู่ในตารางกับดัก 90 วัน และอีกหลายคนที่ทยอยลาออกไม่ว่าจะเป็น กร ทัพรังสีและใครอีกคนจำชื่อไม่ได้นั้นก็เช่นกัน นั่นหมายความว่าบุคคลเหล่านี้ไม่มีสิทธิที่จะได้ลงเลือกตั้งในสมัยหน้าอย่าง แน่นอน

การยุบสภาในครั้งนี้ผมพบว่าคนๆ นี้ยังอาจจะได้รับเลือกเข้ามาอีกครั้ง 1 ในสมัยหน้านั้น แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก ผมออกจะสงสัยว่าไอ้คนที่มันตระบัดสัตย์และพูดจาโกหกซ้ำซาก ที่บอกว่าไม่ยุบ (ถ้ายุบจะแจ้งก่อน 90 วัน ผมไม่ทรยศแน่นอน) ไม่ออก รอไปชาติหน้าตอนสายๆ เถอะเอ็ง (ขนาดชาติใหม่มาถึงแล้วยังอุตส่าห์วนเวียนมาเจอกันอีก) ขนาดนี้แล้ว พลพรรคก็ยังให้ความไว้เนื้อเชื่อใจว่า "เป็นการตัดสินใจของหัวหน้าพรรคที่คิดว่าได้ผ่านการตรึกตรองมาอย่างดีแล้ว !!" นั่นแสดงให้เห็นว่า คนที่มีปัญหาจึงไม่ใช่แค่ทักษิณเพียงคนเดียว แต่ลูกหาบและลิ่วล้อก็ยังคงมีปัญหาทางสติปัญญาและมันสมองอยู่อีกมาก

ก่อนยุบสภายังทิ้งทวนรายการลด แลก แจก แถม พร้อมด่าทอ ต่างๆ นานา ผ่านรายการวิทยุในวันเสาร์สุดท้ายที่จะมีการออกอากาศในสมัยรัฐบาลนี้ว่า "เหตุผลที่ยุบสภา คือ ต้องการรักษากติกาของบ้านเมืองไว้ ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติชัดว่าไม่พอใจก็สามารถถอดถอนผ่านองค์กรต่างๆ ทำได้หลายอย่าง แต่ว่าช่องทางประชาธิปไตยไม่ค่อยถูกใช้ ไปใช้อาศัยประชาธิปไตยว่า ไปชุมนุม ไปแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีแต่เกินเลย ที่สุดก็สร้างปัญหา ... วันนี้คนบางกลุ่มทำตัวเสมือนว่าสามารถชี้นำและตัดสินใจแทนประชาชนได้โดยไม่ ยึดหลักประชาธิปไตย จะใช้กฏหมู่เหนือกฏหมาย ซึ่งผมรับไม่ได้ ผมพร้อมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ท่านทั้งหลายที่เสียงดังในวันนี้ ก็หนึ่งเสียงเท่ากันครับ เข้าไปก็กาได้เบอร์เดียว ไม่มีกาได้แสนเบอร์ กาได้เบอร์เดียวเหมือนกัน ประชาชนเท่านั้นเป็นคนตัดสินท่านอย่าไปคิดว่าท่านคือผู้ที่เหนือกว่าประชาชน ตัดสินแทนประชาชน"

จากคำอ้างต่างๆ นาๆ เกราะคุ้มกันของนายคนนี้ยังคงมีอยู่เรื่องเดียวคือวัดพลังประชาชนเข้าใส่กัน (วันนี้ไม่พูดถึง 19 ล้านเสียงแฮะ) ประชาชน (ที่ความสามารถและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารไม่เท่ากัน) และพร่ำเพ้อเกี่ยวกับ ข้อกฏหมาย (ที่ตัวเองไม่เคยเคารพ) กติกา (ที่ตัวเองจะได้ประโยชน์) ประชาธิปไตย (ที่อ้างแค่เสียงส่วนมาก) เหล่านี้สำรอกออกมาจากความไม่รู้หรือแกล้งโง่กันแน่ แล้วพูดให้ชาวบ้านฟังอยู่คนเดียวในขณะที่คนอื่นๆ ไม่มีสิทธิได้ชี้แจง เพราะ ช่องทางของฝั่งตรงข้ามถูกสกัดกั้นทุกวิถีทางซึ่งอันนี้เป็นกติกา จากปากท่านที่ไม่เคยพูดถึง หลีกเลี่ยงกฏหมายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียภาษี ออกกฏหมายเพื่อที่จะให้สิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้อง แต่อาจผิดศีลธรรมจรรยาว่าด้วยความซื่อสัตย์ (ซึ่งไม่ได้แปลว่าถูกกฏหมาย) ช่องทางตามระบบกติกาที่ท่านว่าไม่ได้รับการพิจารณา (กรณีการยื่นถอดถอนนายกฯ ผ่านศาลรัฐธรรมนูญ)

น อกจากเหล่านี้แล้วยังพยายามบิดเบือนเจตนารมย์ประชาธิปไตยด้วยการยกให้เป็น เรื่องของเสียงข้างมากเพียงเรื่องเดียวและยังพยายามบิดเบือนศีลธรรม ความซื่อสัตย์ ความดีงาม จริยธรรมให้อยู่ในกรอบความหมายของคำว่า "ถูกกฏหมาย" เท่านั้น สรุปง่ายๆ ว่าคนๆ นี้ ไม่ยอมให้กฏหมู่เหนือกฏหมายแต่ยอมให้กฏหมายอยู่เหนือศีลธรรม

แล้วเราจะยอมให้คนพรรค์นี้รับโทษเพียงแค่ลาออกไปนั่งเป็นหัวหน้ารุ่น ตท. 10 เพียงเท่านั้นหล่ะหรือ

รูปภาพจาก
http://www.manager.co.th


26 ก.พ. 2549
MrsJan

ไม่มีความคิดเห็น: