คาดว่าจะได้เดินทางไปค้างก่อน 1 คืนในเย็นวันพฤหัส นัดถูกเลื่อนออกไปเป็นเช้าวันรุ่งขึ้น บอกว่าจะออกตี 4 ผมก็ตื่นตี 4 ออกมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอ กว่าพี่จี๊ดจะมารับก็ตี 5 ครึ่ง (กูว่าแล้ว) เดินทางไปได้สักพักจอดแวะตลาดที่ อ.เทิง ทุกคนก็ลงไปซื้อของกินกัน ข้าวเหนียวสังขยา 2 บาท, น้ำเต้าหู้ 3 ถุง 5 บาท โอ้โห นี่มันถูกจริงๆ ค่าครองชีพขนาด 10 กว่าปีก่อนเลยนะนั่น ช่างไม่สมดุลกับค่าน้ำมันในขณะนี้เลยจริงๆ
เมื่ออิ่มกันแล้วเราก็เดินทางกันต่อหลับอีกตื่นสักพักก็ถึงที่หมาย พวกเราเดินไปรอจุดทำบุญพระสงฆ์ที่บริเวณท่าเรือ ยืนกันอยู่สักพักก็มีพระเดินมาถามว่า "ฝั่งนู้น (ลาว) มีพวกมุสลิมอยู่หรือเปล่า ถ้ามีก็ให้ไล่มันออกไปไกลๆ เลยนะ ไอ้พวกมุสลิมนี่มันร้ายนัก ยิ่งพวกมุสลิมทางใต้นี่ยิ่งร้ายหนัก" ผมกับพี่จิ๊ดมองหน้าเหรอหรา ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มีกลุ่มพระ 3 จว.ชายแดนภาคใต้ ออกมาเสนอแนะให้มีการยุบ กอส. พร้อมกริยารุนแรงที่ให้ปราบปรามอย่างหนักหรือว่าวลี "ฆ่ามุสลิมไม่บาป" จะถูกนำมาใช้กับพระในยุคแห่งการปราบปรามการก่อการร้ายที่เข้มข้นอยู่ในเวลาน ี้ทั่วทั้งโลก นำโดย สหรัฐอเมริการ่วมกับอังกฤษ พร้อมเหล่าประเทศลูกสมุน ที่ช่วยกันประนามการก่อการร้ายของพวกมุสลิมว่าเป็นอักษะแห่งความชั่วร้าย และเป็นเนื้อร้ายที่จำเป็นต้องกำจัดทิ้งไปซะ
ระหว่างรอสวดมนต์ผมนั่ง พับเพียบก็แล้วขัดสมาธิก็แล้ว นั่งหลับก็แล้ว ก็สวดไม่เสร็จสักที ไม่รู้ว่าเอาหน่วยความจำมาจากไหนเยอะแยะ สวดอยู่นานมาก ไม่ได้จับเวลาเอาไว้แต่น่าจะไม่ต่ำกว่าครึ่งชม. ผมเลยออกจะสงสัยว่าไอ้ภาษาบาลีเนี่ย มันมีภาษาพูดกันบ้างไม๊ ถ้าใช้การท่องจำอย่างเดียวนี่ไม่น่าเชื่อว่าจะจำกันได้ทั้งหมด เพราะถ้ามีเป็นภาษาพูดก็อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ความจำทั้งหมดก็เป็นได้ แล้วถ้ามีเนี่ยบรรดาพระทั้งหลายเวลาพูดคุยกันก็คงไม่ได้ใช้ภาษาบาลีหรอกแล้ว เค้าท่องกันไปได้อย่างไร
งานนี้เป็นการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการอนุร ักษ์ลุ่มน้ำโขงให้สืบต่อไปโดยให้ ความรู้และให้ตระหนักรู้ถึงภัยที่กำลังจะมาถึง ให้ทุกคนช่วยกันปกป้องรักษาความอุดมสมบูรณ์ของผืนน้ำแห่งนี้เอาไว้ โดยเฉพาะภาคประชาชนเพราะถ้าจะให้ไปหวังพึ่งพาภาครัฐคงลำบาก ช่วงบ่ายมีการสัมนาเกี่ยวกับศาสนาและการอนุรักษ์ เมื่อไปถึงก็เห็นว่าเค้าค่อนข้างที่จะ private เอามากๆ นั่งโต๊ะคุยกันงึมๆ งัมๆ ฟังไม่ได้ศัพท์เอาซะเลย หัวเรื่องก็ไม่ตรงกับที่ว่า ผมจึงตัดสินใจเดินออกมาอ่านหนังสืออยู่หน้าห้อง สักพักพวกเราก็ตามกันออกมา แล้วเราเดินกลับมาบริเวณจัดงานอีกครั้งเห็นเวทีสัมนา มีพระ 3 รูป คุณประสาน มฤคพิทักษ์ และ สว. เตือนใจ ถึงได้รู้ว่าตะกี้นี้ไปผิดที่ -_-' ฟังอยู่ได้ประมาณครึ่งชม.ก็จบ เป็นที่น่าเสียดายทีเดียวเชียว
ตกเย็น ทุกคนอยากดูโทรทัศน์กันเนื่องจากต้องการทราบข่าวการเมืองที่กำลังเข้ม ข้นทำให้พวกเราไปเดินหาบ้านหรือร้านค้าที่เปิดโทรทัศน์ดู จะได้ไปดูด้วยปรากฎว่าแม้แต่ร้านขายโทรทัศน์เองยังไม่เปิดเลย เลยตัดสินใจตั้งโต๊ะขายของของร้าน ebannok เพื่อรอเวลาที่จะไปดูการแสดงละคร มีคนสนใจแวะเวียนมาดูบ้างแต่สินค้าที่ขายได้มีเพียงนกหวีดเท่านั้นเพราะความ ที่มัน unique และไม่สามารถหาซื้อที่ไหนได้ ส่วนสินค้าอื่นๆ ของเรานั้นไม่น่าสนใจสักเท่าไรเพราะหาซื้อได้ตามที่อื่นๆ และราคาก็ไม่ถูกด้วย สักพักพอได้ยินเสียงถึงได้รู้ว่าการแสดงละครเงาได้เริ่มขึ้นแล้วจึงได้รีบ เก็บของแล้วไปดูละครกัน
ล ะครมีชื่อว่า "นิทานริมฝั่งโขง" เริ่มต้นขึ้นด้วยมียายแก่ถือตะเกียงออกมาภายเรือในความมืดและบั้งไฟพญานาค หลังจากนั้นจึงเป็นภาพของพญานาคมาพร้อมกันเสียงเพลงที่น่าตื่นตา เสียงดังสนั่น พร้อมกับสายน้ำ กับการต่อสู้ของพญานาคกับพญาครุต ตัดฉากสลับกับแสงสีเสียงกับการจราจรภายในเมืองที่คึกคัก ผมตั้งใจดูด้วยความสนใจเพราะแสดงได้ระทึกใจทั้งเสียงเพลงประกอบและท่าทาง แต่จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาสักเท่าไรหรอกครับว่าที่แสดงมานั้นต้องการที่จะสื่ อถึงอะไรบ้าง หลังจากนั้นจึงได้มีการแสดงดนตรีฟังอยู่ได้สัก 2-3 เพลงก็ตัดสินใจไปนอนเพราะง่วงมากแล้ว ราตรีสวัสดิ์
24 ก.พ. 2549
MrsJan
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น