25 เมษายน 2549

ออกจากโรงพยาบาล

นอนไม่ค่อยหลับเลยทั้งคืน ดูเหมือนว่าพยาบาลจะเข้ามาตรวจทุกๆ 2 ชม. ก็มันไม่ใช่โรงแรมนี่หว่า (ถึงจะคล้ายก็เถอะ) หลังจากผ่านการปรนนิบัติอย่างดี มา 1 วัน 1 คืน ก็ได้เวลาเช็คบิลกันแล้ว ผมลองใช้ประกันสุขภาพของเมืองไทยประกันชีวิต ตามคาดคือ เบิกไม่ได้ (55 กูว่าแล้ว) เพราะเป็น Case เดียวกับการคลอดบุตรไม่สามารถเบิกได้ ประกันสังคมก็ทำไปได้แค่เดือนเดียว สรุปงานนี้ คือต้องควักเอง นั่งร่ายบิลค่ารักษาพยาบาล ถึงได้เห็นว่า มันคิดทุกก้าว ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้านแล้ว

ที่หงุดหงิดนิดหน่อย คือ ค่ารถพยาบาลระยะทาง 1 กม. 500 บาท, ค่าใบยื่นใบประกัน (แล้วเบิกไม่ได้) 110 บาท ค่าหมอเดินมาดูถามไถ่นิดๆ หน่อยๆ คราวละ 200-300-400-500 บาท รวมอื่นๆ อีกนิดๆ หน่อยๆ ไม่มาก ไม่มาย รวมหมดแล้ว แค่ 5,421 บาท (ถ้าไปกรุงเทพคงเหยียบหมื่นไปแล้วมั้ง เอิ๊ก)

ขอยืมคำพวก Marxist อีกสักครั้งว่า "นี่มันขูดรีดกันอีกแล้ว"

บทเรียนครั้งนี้ผมได้ข้อสรุปว่า ประกันสุขภาพของเอกชนจะมีข้อจำกัดในส่วนที่เราต้องการจะใช้เสมอ ไอ้ส่วนที่เราไม่ค่อยจะเกิดบ่อยๆ นั่นหละมันถึงจะจ่าย จริงๆ ผมก็ได้ยกเลิกประกันสุขภาพของตัวเองไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว เพราะ จะเอามาจ่ายประกันสังคมอย่างเดียว แต่ในส่วนที่เคยจ่ายของเอกชน ต่อไปผมจะเก็บเข้าบัญชีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเอง เก็บเองจ่ายเองดูจะคุ้มค่ากว่า แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ ผมจะไม่ยอมป่วยอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นคือการประกันสุขภาพที่ดีและยั่งยืนที่สุด เป็นหนึ่งใน Project ที่ผมจะทำมันให้ได้

ณ. เวลานี้ผมอยากได้ หมอ กับ ทนายความมาร่วมขบวนการด้วยเหลือเกิน เพราะ 2 สิ่งนี้เป็นอาชีพที่มีความจำเป็นต่อปัญหาความยากจนและการถูกเอารัดเอาเปรียบ มากที่สุด และอีกหนึ่งอย่างที่ผมต้องการมาเป็นพวกด้วยคือ ตำรวจ แต่ที่โชคร้ายตอนนี้คือ ยังนึกไม่ออกเลยสักคน

MrsJan
25 เม.ย. 49

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอให้ทั้งตูนและพี่ตี๋เข้มแข็งนะคะ อีกเดี๋ยวเดียวเค้าก็มาใหม่ค่ะ