ขณะนี้มีการตอบโต้สับเปลี่ยนกันรายวัน ผลัดกันรับผลัดกันรุก ระหว่างฝ่ายค้านกับรักษาการณ์ ไปจนถึงกลุ่มม็อบ กลุ่มนักเรียนและกลุ่มนักศึกษา
มาวันนี้ กกต. จะอ้างอะไรก็ช่างแต่เชื่อได้เลยว่า กลุ่มรักษาการณ์ ว่าไงก็ว่าตามกันแหงๆ อยู่แล้ว ฝ่ายรักษาการณ์นอกจากจะมีประชาชนเสียงข้างมากเป็นพวกแล้ว ยังมีอำนาจอยู่ในองค์กรอิสระอีก แล้วพร่ำบอกให้ใครต่อใครเล่นตามกติกา กติกา กติกา ฟังแล้วเลือดขึ้นหน้าว่ะ ไอ้กติกาที่พวกคุณเป็นคนกำกับ มันเป็นกติกาที่ชอบธรรมได้อย่างไรหรือพูดเอาไว้เป็นข้อแก้ตัวให้กับพวกที่ให้การสนับสนุนอยู่มากมายในประเทศขณะนี้
สถานการณ์ในฟิลิปปินส์ตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน มันเป็นผลสะท้อนปรากฏการณ์ของประเทศด้อยพัฒนา (ไม่จำเป็นต้องดัดจริตเรียกประเทศกำลังพัฒนา) ที่ช่างคล้ายคลึงกันซะนี่กระไร ถ้าอยากจะดูคุณภาพประชาชนของประเทศนั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร ก็ให้ดูจากตัวผู้นำประเทศนั้นๆ นั่นแลก็พอจะเดาได้ไม่ยาก
ผมแทบหายใจไม่ออกในการอ่านข่าวทุกวันนี้ ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะไปสิ้นสุดตรงไหน
ภาพข่าวจาก Darknews
http://www.darknews.net/
1 มี.ค. 2549
MrsJan
01 มีนาคม 2549
อาสาสมัครจากต่างแดน (Overseas Volunteer)
วันนี้รับแขกมาทัศนศึกษาเกี่ยวกับ Technology ที่ใช้งานในกระจกเงา ชื่อ Toby เค้าสนใจเกี่ยวกับ CMS ที่พัฒนาโดยคนบ้านนอก (ชื่อทีมนะครับ) การสาธิตเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะการสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ แต่ละคนในทีม ict ก็พูดฟังกันไม่ค่อยได้ งานนี้ผมเลยเป็นล่ามจำเป็นโดนเข้าไปร่วมด้วยโดยปริยาย (ผมไม่ได้อยู่ในทีม ict)
ตัวผมก็ใช่จะได้ใช้ภาษาอังกฤษซะที่ไหน แต่ก็ยังพอไปได้บ้างมากกว่าอีกหลายคนในที่นี้นิดหน่อย (เวรกรรมจริงๆ) แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า Toby อยู่ในเมืองไทยมาก็หลายปี แต่ภาษาไทยไม่กระดิกเลยไม่เหมือนกันอาสาสมัครที่มาทำอย่างอื่นแค่ 2-3 เดือนก็พอพูดได้แล้ว
งานนี้ผมถึงได้เรียนรู้ว่าบรรดา technician คนไทยที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้มากฉันใด technician ต่างชาติก็ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เท่าฉันนั้น นั่นแล
1 มี.ค. 2549
MrsJan
ตัวผมก็ใช่จะได้ใช้ภาษาอังกฤษซะที่ไหน แต่ก็ยังพอไปได้บ้างมากกว่าอีกหลายคนในที่นี้นิดหน่อย (เวรกรรมจริงๆ) แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า Toby อยู่ในเมืองไทยมาก็หลายปี แต่ภาษาไทยไม่กระดิกเลยไม่เหมือนกันอาสาสมัครที่มาทำอย่างอื่นแค่ 2-3 เดือนก็พอพูดได้แล้ว
งานนี้ผมถึงได้เรียนรู้ว่าบรรดา technician คนไทยที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้มากฉันใด technician ต่างชาติก็ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เท่าฉันนั้น นั่นแล
1 มี.ค. 2549
MrsJan
28 กุมภาพันธ์ 2549
"คนไปร่วมชุมนุมเท่าไรกันแน่" (How Many?)

เค้าว่ากันว่า
วัดความกว้างโดยประมาณได้ 207 เมตร
วัดความยาวโดยประมาณได้ 571 เมตร
ได้พื้นที่ 118,197 ตารางเมตร
สมมติว่ามีคนนั่งฟังได้ 2 คนต่อตารางเมตร
ก็สามารถจุคนได้ประมาณ 236,394 คน
ถ้าสมมติว่า 1 คนต่อตารางเมตร อย่างน้อยๆ ก็ 118,197 คน
ที่มา
http://www.thaigoogleearth.com/index.php?option=com_remository &Itemid=&func=fileinfo&id=650
28 ก.พ. 2549
MrsJan
27 กุมภาพันธ์ 2549
ความขัดแย้งทางความชอบ (Conflict of Opinion)

วันนี้ได้ฟังเพื่อนชนเผ่าคนหนึ่งกลับมาจากโรงพยาบาลพูดเรื่องเกี่ยวกับการเมืองบอกว่าในเมืองเค้าคุยกันแต่เรื่องนี้กันจนเป็น talk of the town เพื่อนบอกเล่าจากคำสนทนาในวงตอนนึงว่า "ต่อให้เลือกกี่ครั้งๆ ก็จะเลือกทักษิณคนเดียว" ส่วนตัวเพื่อนเองนั้นว่า "ทักษิณดีที่สุดแล้ว จะไปเลือกใคร" ผมหันไปถามเพื่อนอีกคนว่าอยู่ข้างไหน เค้าว่า "ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ทักษิณ" ผมถามว่ามีเหตุผลอะไร เค้าบอกพวกนี้มันซื้อเสียง ผมถามว่ารู้ได้อย่างไร "ก็ผมไปรับมาเองเค้าแจกคนละร้อย" เพื่อนบอก
ผมกลับมาคิดว่าเหตุผลเพียงแค่นี้เองหรือที่จะไม่เลือก เหมือนที่ผมเคยได้รับมาด้วยว่า อย่าไปเลือกคนซื้อเสียงนะเพราะคนพวกนี้เป็นคนไม่ดี
แต่อย่างไรก็ตาม อาจไม่เป็นที่น่าแปลกใจสักเท่าไรนักสำหรับที่จังหวัดเชียงรายนี้ เพราะ หมู่บ้านจะแลที่ผมทำโครงการอยู่ ก็สนับสนุนทักษิณกันทั้งหมู่บ้าน ภายในเมืองก็มียังป้ายผ้าสนับสนุนนายก อยู่บ่อยๆ
สนใจว่าประเทศไทยตอนนี้กำลังแตกแยกความคิดออกเป็น 2 ส่วน สมมติ ถ้า นาย ทักษิณ ลาออกไปอย่างที่กลุ่มม็อบสมหวังจริงจะเกิดอะไรขึ้น แล้วในทางกลับกันถ้าการเลือกตั้งเสร็จสมอารมณ์หมาย นาย ทักษิณ ได้กลับมาเป็นนายก อีกครั้งหนึ่งล่ะจะเกิดอะไรขึ้น การเมืองไทยกำลังจะวิ่งไปทางไหน ผมออกจะติดตามเรื่องพวกนี้ด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ที่มารูปภาพจาก
http://www.dailynews.co.th
27 ก.พ. 2549
MrsJan
26 กุมภาพันธ์ 2549
"แล้วก็ยุบสภา" (Dissolve of Parliament)

การลาออกของผู้เฒ่ากลุ่มวังน้ำเย็นเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ ดีกว่าที่จะขมขื่นอยู่ในตารางกับดัก 90 วัน และอีกหลายคนที่ทยอยลาออกไม่ว่าจะเป็น กร ทัพรังสีและใครอีกคนจำชื่อไม่ได้นั้นก็เช่นกัน นั่นหมายความว่าบุคคลเหล่านี้ไม่มีสิทธิที่จะได้ลงเลือกตั้งในสมัยหน้าอย่าง แน่นอน
การยุบสภาในครั้งนี้ผมพบว่าคนๆ นี้ยังอาจจะได้รับเลือกเข้ามาอีกครั้ง 1 ในสมัยหน้านั้น แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก ผมออกจะสงสัยว่าไอ้คนที่มันตระบัดสัตย์และพูดจาโกหกซ้ำซาก ที่บอกว่าไม่ยุบ (ถ้ายุบจะแจ้งก่อน 90 วัน ผมไม่ทรยศแน่นอน) ไม่ออก รอไปชาติหน้าตอนสายๆ เถอะเอ็ง (ขนาดชาติใหม่มาถึงแล้วยังอุตส่าห์วนเวียนมาเจอกันอีก) ขนาดนี้แล้ว พลพรรคก็ยังให้ความไว้เนื้อเชื่อใจว่า "เป็นการตัดสินใจของหัวหน้าพรรคที่คิดว่าได้ผ่านการตรึกตรองมาอย่างดีแล้ว !!" นั่นแสดงให้เห็นว่า คนที่มีปัญหาจึงไม่ใช่แค่ทักษิณเพียงคนเดียว แต่ลูกหาบและลิ่วล้อก็ยังคงมีปัญหาทางสติปัญญาและมันสมองอยู่อีกมาก
ก่อนยุบสภายังทิ้งทวนรายการลด แลก แจก แถม พร้อมด่าทอ ต่างๆ นานา ผ่านรายการวิทยุในวันเสาร์สุดท้ายที่จะมีการออกอากาศในสมัยรัฐบาลนี้ว่า "เหตุผลที่ยุบสภา คือ ต้องการรักษากติกาของบ้านเมืองไว้ ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติชัดว่าไม่พอใจก็สามารถถอดถอนผ่านองค์กรต่างๆ ทำได้หลายอย่าง แต่ว่าช่องทางประชาธิปไตยไม่ค่อยถูกใช้ ไปใช้อาศัยประชาธิปไตยว่า ไปชุมนุม ไปแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีแต่เกินเลย ที่สุดก็สร้างปัญหา ... วันนี้คนบางกลุ่มทำตัวเสมือนว่าสามารถชี้นำและตัดสินใจแทนประชาชนได้โดยไม่ ยึดหลักประชาธิปไตย จะใช้กฏหมู่เหนือกฏหมาย ซึ่งผมรับไม่ได้ ผมพร้อมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ท่านทั้งหลายที่เสียงดังในวันนี้ ก็หนึ่งเสียงเท่ากันครับ เข้าไปก็กาได้เบอร์เดียว ไม่มีกาได้แสนเบอร์ กาได้เบอร์เดียวเหมือนกัน ประชาชนเท่านั้นเป็นคนตัดสินท่านอย่าไปคิดว่าท่านคือผู้ที่เหนือกว่าประชาชน ตัดสินแทนประชาชน"
จากคำอ้างต่างๆ นาๆ เกราะคุ้มกันของนายคนนี้ยังคงมีอยู่เรื่องเดียวคือวัดพลังประชาชนเข้าใส่กัน (วันนี้ไม่พูดถึง 19 ล้านเสียงแฮะ) ประชาชน (ที่ความสามารถและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารไม่เท่ากัน) และพร่ำเพ้อเกี่ยวกับ ข้อกฏหมาย (ที่ตัวเองไม่เคยเคารพ) กติกา (ที่ตัวเองจะได้ประโยชน์) ประชาธิปไตย (ที่อ้างแค่เสียงส่วนมาก) เหล่านี้สำรอกออกมาจากความไม่รู้หรือแกล้งโง่กันแน่ แล้วพูดให้ชาวบ้านฟังอยู่คนเดียวในขณะที่คนอื่นๆ ไม่มีสิทธิได้ชี้แจง เพราะ ช่องทางของฝั่งตรงข้ามถูกสกัดกั้นทุกวิถีทางซึ่งอันนี้เป็นกติกา จากปากท่านที่ไม่เคยพูดถึง หลีกเลี่ยงกฏหมายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียภาษี ออกกฏหมายเพื่อที่จะให้สิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้อง แต่อาจผิดศีลธรรมจรรยาว่าด้วยความซื่อสัตย์ (ซึ่งไม่ได้แปลว่าถูกกฏหมาย) ช่องทางตามระบบกติกาที่ท่านว่าไม่ได้รับการพิจารณา (กรณีการยื่นถอดถอนนายกฯ ผ่านศาลรัฐธรรมนูญ)
น อกจากเหล่านี้แล้วยังพยายามบิดเบือนเจตนารมย์ประชาธิปไตยด้วยการยกให้เป็น เรื่องของเสียงข้างมากเพียงเรื่องเดียวและยังพยายามบิดเบือนศีลธรรม ความซื่อสัตย์ ความดีงาม จริยธรรมให้อยู่ในกรอบความหมายของคำว่า "ถูกกฏหมาย" เท่านั้น สรุปง่ายๆ ว่าคนๆ นี้ ไม่ยอมให้กฏหมู่เหนือกฏหมายแต่ยอมให้กฏหมายอยู่เหนือศีลธรรม
แล้วเราจะยอมให้คนพรรค์นี้รับโทษเพียงแค่ลาออกไปนั่งเป็นหัวหน้ารุ่น ตท. 10 เพียงเท่านั้นหล่ะหรือ
รูปภาพจาก
http://www.manager.co.th
26 ก.พ. 2549
MrsJan
"จะไปดูงานกันที่ไหนดี" ครั้งที่ 1 (Inspect Activities 1)
จุดมุ่งหมายที่คิดจะไปดูตอนแรกนั้น ผมหมายตา ลุงยงค์ นายประยงค์ รณรงศ์ จ.นครศรีธรรมราช (รางวัลแมกไซไซปี 48) อ่านจากงานเขียนของ เสรี พงพิศ แล้วชอบมาก ถ้ามีโอกาสกลับบ้านจะไปให้ได้สักครั้ง 1
หลังจากไปงานเปิดตำนานลุ่มน้ำโขงแล้ว ผมได้อ่านเอกสารแจกฟรี เป็นหนังสือพิมพ์ ข่าวชุมชน มีการแนะนำสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง จึงอยากจะบันทึกเอาไว้
เริ่มจากที่แรก "สวนโบราณป้าละมาย : ศูนย์รวมเครื่องแกงประจำชุมชน" ความว่า สวนโบราณของป้าละมาย สุขใย หญิงชราวัย 68 ปี บ้านปากโทก หมู่ 4 ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เดิมเป็นเพียงชาวสวนธรรมดาๆ ที่ปลูกผักไว้กินเอง แต่เวลาผ่านไปสวนป้าละมายได้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรดั้งเดิมที่ได้รวบรว มพืชพื้นบ้านนานาชนิดเอาไว้ซึ่งมีความสำคัญทั้งในด้านการใช้ประโยชน์และการ อนุรักษ์ สวนแห่งนี้ได้สร้างรายได้ให้แก่เจ้าของสวนตลอดปี รวมไปถึงคนในชุมชนที่สามารถเข้ามาเก็บเพื่อนำไปทำอาหารรับประทานภายใน ครอบครัว จนได้รับฉายาว่า "ศูนย์เครื่องแกงประจำชุมชน"
"เดิมทีป้าปลูกไว้กินเอง หากเหลือก็ขาย ปลูกมาเรื่อยๆ ไม่ได้ปลูกพร้อมกัน ปลูกเสร็จก็ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ คอยให้ปุ๋ยรดน้ำเป็นครั้งคราว พอผ่านไปหลายปี ต้นไม้ที่ปลูกไว้ก็พากันเติบใหญ่ร่มรื่นและได้ผลอย่างที่เห็น" ป้าเล่าต่อว่า ตนเองมีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ เริ่มปลูกพืชผลไม่ต่างๆ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ปลูกทิ้งไว้ต้นไหนตายก็ปลูกทดแทน แต่จะไม่ทำลายทิ้งโดยพืชที่ปลูกก็มีทั้งไม้ผล เช่น มะปราง มะไฟ กระท้อน ขนุน มะม่วง มะพร้าว น้อยหน้า มะยม มะขวิดและมะกรูด พืชเศรษฐกิจ เช่น มัน อ้อย กระชาย ข่า ใบชะพลู เผือก พริก มะเขือ ตะไคร้ ถั่วพลู กะเพรา เป็นต้น พืชสมุนไพร เช่น ต้นสลอด บัวบก ว่านสาวหลง เสลดพังพอน ว่านพญาม้า เป็นต้น ไม้ใช้ประโยชน์ เช่น ไม้ประดู่ ยางนา สัก จามจุรี ไผ่ เป็นต้น ซึ่งให้ผลผลิตได้ทั้งปี ทำให้มีอยู่กิน โดยไม่ต้องเดือดร้อน
จากชาวบ้านธรรมดาๆ ได้กลายเป็น "ปราชญ์ชาวบ้าน" คนสำคัญ ที่สั่งสม "ภูมิปัญญาท้องถิ่นเอาไว้มากมาย" สามารถเป็นต้นแบบให้กับคนสนใจทางด้านนี้ได้อย่างดีทีเดียว
26 ก.พ. 2549
MrsJan
หลังจากไปงานเปิดตำนานลุ่มน้ำโขงแล้ว ผมได้อ่านเอกสารแจกฟรี เป็นหนังสือพิมพ์ ข่าวชุมชน มีการแนะนำสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง จึงอยากจะบันทึกเอาไว้
เริ่มจากที่แรก "สวนโบราณป้าละมาย : ศูนย์รวมเครื่องแกงประจำชุมชน" ความว่า สวนโบราณของป้าละมาย สุขใย หญิงชราวัย 68 ปี บ้านปากโทก หมู่ 4 ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เดิมเป็นเพียงชาวสวนธรรมดาๆ ที่ปลูกผักไว้กินเอง แต่เวลาผ่านไปสวนป้าละมายได้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรดั้งเดิมที่ได้รวบรว มพืชพื้นบ้านนานาชนิดเอาไว้ซึ่งมีความสำคัญทั้งในด้านการใช้ประโยชน์และการ อนุรักษ์ สวนแห่งนี้ได้สร้างรายได้ให้แก่เจ้าของสวนตลอดปี รวมไปถึงคนในชุมชนที่สามารถเข้ามาเก็บเพื่อนำไปทำอาหารรับประทานภายใน ครอบครัว จนได้รับฉายาว่า "ศูนย์เครื่องแกงประจำชุมชน"
"เดิมทีป้าปลูกไว้กินเอง หากเหลือก็ขาย ปลูกมาเรื่อยๆ ไม่ได้ปลูกพร้อมกัน ปลูกเสร็จก็ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ คอยให้ปุ๋ยรดน้ำเป็นครั้งคราว พอผ่านไปหลายปี ต้นไม้ที่ปลูกไว้ก็พากันเติบใหญ่ร่มรื่นและได้ผลอย่างที่เห็น" ป้าเล่าต่อว่า ตนเองมีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ เริ่มปลูกพืชผลไม่ต่างๆ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ปลูกทิ้งไว้ต้นไหนตายก็ปลูกทดแทน แต่จะไม่ทำลายทิ้งโดยพืชที่ปลูกก็มีทั้งไม้ผล เช่น มะปราง มะไฟ กระท้อน ขนุน มะม่วง มะพร้าว น้อยหน้า มะยม มะขวิดและมะกรูด พืชเศรษฐกิจ เช่น มัน อ้อย กระชาย ข่า ใบชะพลู เผือก พริก มะเขือ ตะไคร้ ถั่วพลู กะเพรา เป็นต้น พืชสมุนไพร เช่น ต้นสลอด บัวบก ว่านสาวหลง เสลดพังพอน ว่านพญาม้า เป็นต้น ไม้ใช้ประโยชน์ เช่น ไม้ประดู่ ยางนา สัก จามจุรี ไผ่ เป็นต้น ซึ่งให้ผลผลิตได้ทั้งปี ทำให้มีอยู่กิน โดยไม่ต้องเดือดร้อน
จากชาวบ้านธรรมดาๆ ได้กลายเป็น "ปราชญ์ชาวบ้าน" คนสำคัญ ที่สั่งสม "ภูมิปัญญาท้องถิ่นเอาไว้มากมาย" สามารถเป็นต้นแบบให้กับคนสนใจทางด้านนี้ได้อย่างดีทีเดียว
26 ก.พ. 2549
MrsJan
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)