
10 มีนาคม 2549
09 มีนาคม 2549
"บอยคอตอะไรได้บ้าง" (Boycott?)

วันนี้เห็นหน้าเจ้าเบื้อกทางหน้าหนังสือพิมพ์โชว์ไปรษณียบัตร "สู้โว้ย" แล้วเอือมระอา ในขณะเดียวกันก็มีการรณรงศ์บอยคอตสินค้าที่กลุ่มทุนสิงคโปร์ซื้อจากชินคอร์ป ไปรวมทั้งสินค้าของกลุ่มทุนฟากฝั่งรัฐบาลด้วย ใจจริงก็อยากจะให้กำลังใจและร่วมรณรงศ์ให้ส่งผลสะเทือนเหมือนกันแต่คำถามที่ อยากจะถาม คือ แล้วมีอะไรที่ไม่ใช่สินค้าที่เข้าข่ายบ้างล่ะ แทนที่จะถามว่ามีอะไรที่เข้าข่ายบ้าง เพราะ ทุกวันนี้เราอาจจะไม่รู้ตัวว่าชีวิตตกอยู่ในอุ้งตีนพวกกลุ่มทุนเหล่านี้แล้ว โดยสิ้นเชิง
ผมจะลองนึกยกตัวอย่างดูเล่นๆ สักนิดเท่าที่จะจำได้ โทรศัพท์พื้นฐาน+Internet ความเร็วสูง True (Move), โทรศัพท์มือถือ Orange, UBC, รวมถึง สินค้าเกษตรทั้งหลายแหล่ หายห่วงว่าส่วนใหญ่เป็นของ เครือเจริญโภคภัณฑ์ สินค้าอะไหล่รถ อุตสาหกรรมยานยนต์ ล้วนนำเข้าจากพ่อค้าเครือ Summit ไม่เว้นแม้แต่รองเท้าที่บ้านผมขายอยู่ยี่ห้อ Aerosoft หะ หะ ยังเป็นของเครือ Summit Footware ถึงแม้ว่าแม่ผมปากก็ไม่ชอบ รบ. "แต่สินค้า Summit Footware เค้าดีจริงๆ ไม่เอาเปรียบรายย่อย" 55 ผลประโยชน์อยู่เหนือการเมืองเสมอ อ้อ ชื่อเจ้าของคือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของคดี CTX นั่นแล
ส่วนสินค้าเครือชินคอร์ปคิดว ่าคงไม่ต้องสาธยายมาก การสื่อสาร ดาวเทียม โรงพยาบาล สายการบินโลว์คอสต์ ที่ตอนนี้ได้ข่าวว่าซื้อกลับมาแล้วในนาม เอเชียเอวิเอชั่น (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) จะทิ้งอ่างทองคำใบใหญ่ไปได้อย่างไร
ส่วนใหญ่เป็นส ินค้าที่แสนจะจำเป็นสำหรับชนชั้นกลาง และพวกชนชั้นกลางทั้งนั้นที่ออกมาประท้วงบอยคอต ผมถามง่ายๆ ว่าพวกคุณทิ้งชีวิตชนชั้นกลางในเมืองได้เมื่อไร เมื่อนั้นหละถึงจะทำได้สำเร็จ เอาเป็นว่าถึงจะทำได้ไม่ร้อยเปอร์เซนต์ แต่แค่ทำการเลี่ยงก็ยากแล้ว
จะเห็นว่าเราสนใจการทุจริต การขายชาติเวลานี้กว่าเราจะรู้สึกตัวกันได้ตอนนี้ก็แทบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ที่เหลือก็จะมีแต่ ชายสี่หมีเกี๊ยว ขนม ลูกชิ้นทอด ที่ยังมีคนไทยตาดำๆ เป็นเจ้าของอยู่
ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าวันหนึ่งผมลืมตาตื่นมาอีกที ประเทศที่ผมยืนอยู่อาจจะกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของสิงคโปร์ไปเสียแล้วจะทำอย่างไร
ภาพจากมติชน
http://www.matichon.co.th
09 มี.ค. 25491
MrsJan
08 มีนาคม 2549
"มูลนิธิทำร้ายสังคม" (Profit Organization)
ผมเคยเห็นเด็กชาวเขาคนหนึ่งตอนไปบ้านอาดี่ ใส่เสื้อ "มูลนิธิอายิโนโมโต๊ะ" แล้วก็คิดในใจว่า "เฮ้ยมันตั้งมาทำอะไรกันวะเนี่ย" ถ้าความเข้าใจผมไม่คลาดเคลื่อน เข้าใจว่าการตั้งมูลนิธิเป็นเรื่องของการช่วยเหลือ บรรเทา แบ่งเบาภาระรัฐบาลในการช่วยเหลือสังคม ด้วยไม่ได้หวังในสิ่งตอบแทนที่เป็นผลกำไรแล้วบริษัทผลิตผงชูรสแห่งนี้ตั้งขึ ้นมาด้วยจุดประสงค์อะไรกันแน่ วันนี้จะเขียนตอบข้อสงสัยให้กับตัวเอง
ท ุกวันนี้การใช้ผงชูรสเป็นกันไปอย่างแพร่หลายจนแทบจะเรียกได้ว่าร้านค้ากว่า 90% (ประมาณเอาเองแบบปราณี) ใช้ผงชูรสในการประกอบอาหาร เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเจ้าผงชูรสนี้มีโทษมหันต์ทั้งระยะยาวและระยะสั้น ในระยะยาวอาจเป็นสารก่อมะเร็งจากการเผาใหม้ด้วยความร้อนในการประกอบอาหาร ส่วนในระยะสั้นจะเกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ปากคอแห้ง ซึ่งมีผลมาจากปริมาณโซเดียมที่มากเกินไป
ทีนี้การหลีกเลี่ยงอาจเป็นเ รื่องที่ทำได้ยากในชีวิตประจำวันที่การทำมาหาเลี้ยงชีพได้หลุดออกจากคำว่าทำ มาหากินไปเสียแล้ว เพราะทุกวันนี้เราทำอาชีพที่แยกส่วนจากการทำมาหากินโดยสิ้นเชิง ที่ถึงแม้เราจะหาเงินได้มากเท่าไร เราก็ไม่สามารถที่จะผลิตอาหารเลี้ยงตัวเองได้แล้วเราก็เต็มใจที่จะไม่ทำมัน แล้วเสียด้วย ดังนั้นหนทางเดียวคือการซื้อกินนั่นเอง อาหารจึงเปลี่ยนมาเป็นสินค้า สินค้าต้องทำกำไร การทำกำไรอย่างง่ายอันดับแรกคือลดต้นทุนการผลิต ดังนั้นการใช้ผงชูรสแทนน้ำต้มกระดูกก็ลดต้นทุนได้ไม่เลวเลยทีเดียว
เ มื่อผงวิเศษทำได้ขนาดนี้แล้วใครจะปฏิเสธได้ ถ้าเป็นดั่งที่โฆษณาอวดอ้างจะเห็นว่า "ไม่ว่ามื้อไหนๆ ก็อร่อยกันทุกครัวเรือน" แสดงภาพการประกอบอาหารจากทั่วโลก สุดท้ายต้นตำรับจากญี่ปุ่นก็รวยเป็นเทน้ำจากการขายเจ้าผงตัวนี้ ทีนี้พอเงินทะลักเหลือใช้ ก็เจียดมาว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อที่จะให้ภาพลักษณ์ดูดีขึ้น ด้วยการก่อตั้งมูลนิธิ เป็นการฟอกตัวให้ดูดีขึ้น อุปมาเหมือนการแจกผ้าห่มต้านภัยหนาวจากบริษัทเบียร์ การเอาเงินขายหวยมาแจกทุนการศึกษา หรือว่า แหะ แหะ จะบริจาคเงินจากการขายหุ้นมหาศาลส่วนหนึ่งมาก่อตั้งมูลนิธิ มันจึงดูทะแม่งๆ ชอบกล
เพื่อไม่เป็นการพูดข้างเดียวลองฟังความของทาง อายิโนะโมะโต๊ะ ดูบ้าง
http://www.ajinomoto.co.th/th_product_s.shtml
08 มี.ค. 25491
MrsJan
ท ุกวันนี้การใช้ผงชูรสเป็นกันไปอย่างแพร่หลายจนแทบจะเรียกได้ว่าร้านค้ากว่า 90% (ประมาณเอาเองแบบปราณี) ใช้ผงชูรสในการประกอบอาหาร เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเจ้าผงชูรสนี้มีโทษมหันต์ทั้งระยะยาวและระยะสั้น ในระยะยาวอาจเป็นสารก่อมะเร็งจากการเผาใหม้ด้วยความร้อนในการประกอบอาหาร ส่วนในระยะสั้นจะเกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ปากคอแห้ง ซึ่งมีผลมาจากปริมาณโซเดียมที่มากเกินไป
ทีนี้การหลีกเลี่ยงอาจเป็นเ รื่องที่ทำได้ยากในชีวิตประจำวันที่การทำมาหาเลี้ยงชีพได้หลุดออกจากคำว่าทำ มาหากินไปเสียแล้ว เพราะทุกวันนี้เราทำอาชีพที่แยกส่วนจากการทำมาหากินโดยสิ้นเชิง ที่ถึงแม้เราจะหาเงินได้มากเท่าไร เราก็ไม่สามารถที่จะผลิตอาหารเลี้ยงตัวเองได้แล้วเราก็เต็มใจที่จะไม่ทำมัน แล้วเสียด้วย ดังนั้นหนทางเดียวคือการซื้อกินนั่นเอง อาหารจึงเปลี่ยนมาเป็นสินค้า สินค้าต้องทำกำไร การทำกำไรอย่างง่ายอันดับแรกคือลดต้นทุนการผลิต ดังนั้นการใช้ผงชูรสแทนน้ำต้มกระดูกก็ลดต้นทุนได้ไม่เลวเลยทีเดียว
เ มื่อผงวิเศษทำได้ขนาดนี้แล้วใครจะปฏิเสธได้ ถ้าเป็นดั่งที่โฆษณาอวดอ้างจะเห็นว่า "ไม่ว่ามื้อไหนๆ ก็อร่อยกันทุกครัวเรือน" แสดงภาพการประกอบอาหารจากทั่วโลก สุดท้ายต้นตำรับจากญี่ปุ่นก็รวยเป็นเทน้ำจากการขายเจ้าผงตัวนี้ ทีนี้พอเงินทะลักเหลือใช้ ก็เจียดมาว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อที่จะให้ภาพลักษณ์ดูดีขึ้น ด้วยการก่อตั้งมูลนิธิ เป็นการฟอกตัวให้ดูดีขึ้น อุปมาเหมือนการแจกผ้าห่มต้านภัยหนาวจากบริษัทเบียร์ การเอาเงินขายหวยมาแจกทุนการศึกษา หรือว่า แหะ แหะ จะบริจาคเงินจากการขายหุ้นมหาศาลส่วนหนึ่งมาก่อตั้งมูลนิธิ มันจึงดูทะแม่งๆ ชอบกล
เพื่อไม่เป็นการพูดข้างเดียวลองฟังความของทาง อายิโนะโมะโต๊ะ ดูบ้าง
http://www.ajinomoto.co.th/th_product_s.shtml
08 มี.ค. 25491
MrsJan
06 มีนาคม 2549
ผู้ชายเป็นใหญ่

ทำให้เราเห็นได้เลยว่าประเพณีปฏิบัติในสมัยนั้นให้ผู้ชายเป็นใหญ่จนทุกคน เกิดความเคยชิน ทำให้ทุกคนไม่ได้รู้สึกอะไรเลยและผู้หญิงก็ถูกสอนให้คิดไปแบบนั้นเหมือนกัน จนไม่คิดว่ามันมีอะไรที่ผิดปกติ ยกเว้นตัวนางเอก!!
การณ์ปรากฏชัดยิ่งขึ้นในตอนท้ายเรื่อง ขณะที่พระราชาแต่งตั้งให้นางเอกเป็นขุนนางแล้วได้มีการต่อต้านอย่างหนักถึงข ั้นพระพันปีออกมานั่งให้สำเร็จโทษฐานไม่อบรมเลี้ยงดูลูกให้ดี จะเห็นว่าการที่ให้ผู้หญิงเป็นใหญ่เป็นโตในตำแหน่งสูงๆ ที่ทัดเทียมผู้ชายนั้นกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ถึงแม้ว่าจะเก่งอย่างไรก็ให้ยศถาบรรดาศักดิ์เท่าเทียมผู้ชายไม่ได้
ด ังนั้นผู้หญิงจึงมักที่จะโดนกดไว้เบื้องล่างอยู่ตลอดเวลา แล้วซ้ำร้ายไอ้เจ้าปรากฏการณ์เหล่านี้ก็ดันเกิดขึ้นทั่วโลกจนเป็นโลกา ภิวัฒน์ไปซะงั้น หลังจากเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองการแก่งแย่งชิงอำนาจภายในวังหลวงได้ผ่านไ ป ก็เข้าสู่เนื้อหาการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมกับพวกหัวก้าวหน้า ทำให้เรื่องราวกลับเข้มข้นยิ่งขึ้น
นอกจากตัวนางเอกจะฟันฝ่าข้อคำถาม หลายอย่างในสมัยวัยเด็กไปได้แต่ก็เจอกับแรงต้านมากมาย เพียงเพราะความเป็นคนหัวก้าวหน้าและทันสมัยจนเกินไป ทำให้ผู้คนในสมัยนั้นที่ตามนางเอกไม่ทันก็พากันรับไม่ได้และออกแรงต้านอย่างสุดฤทธิ์
การพัฒนาในยุคสมัยใหม่นี้ ผู้หญิงได้ผ่านการยอมรับแล้วว่ามีความสามารถทัดเทียมผู้ชาย ทั้ง สว.ระเบียบรัตน์ที่พยายามจะต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีอย่างเข้มข้น แต่หลายอย่างก็ก้าวหน้าเกินไปจนชาวบ้านรับไม่ได้ ทำให้ผมออกจะมองดูหนังเรื่องนี้ด้วยความฉงนและไม่เข้าใจ ไม่ต่างกับแดจังกึมตอนที่ยังเป็นเด็กอยู่
06 มี.ค. 2549
MrsJan
กุนซือ (Consultant)

ภาพข่าวจาก
http://www.darknews.net/
06 มี.ค. 2549
MrsJan
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)