วันนี้ น่าเป็นวันที่มีความสุขอีกนึงวันที่จะได้เห็นการเจริญเติบโตของ "นำทาง" (ชื่อลูกของผมที่ค่อนข้างจะเป็นทางการ) เป็นการไปตรวจครรภ์ตามหมอนัดครั้งที่ 2 เป็นการตั้งครรภ์ได้ 2 เดือนเศษๆ ตรวจเสร็จก็กลับมาบ้าน สักพักได้ยินเสียงร้องเรียกจากห้องน้ำ บ่งบอกถึงความผิดปรกติ เราจึงได้รีบเดินทางกลับไปหาหมออีกครั้ง หมอสั่งให้อุลตร้าซาวด์ด่วน ผมมองดูหน้าจอ อย่างตื่นเต้น สักพักได้ยินหมอพูดเบาๆ ว่า "ไม่เห็นตัวเด็ก"
หมอลอง Scan ดูต่อไป มองเห็นช่องสีดำๆ อย่างที่หมอบอกว่าตอนนี้ตัวเด็กจะมีขนาดประมาณ 2 ซม. แต่ที่เรามองลงไปตรงช่องนั้นมีแต่ความว่างเปล่า "เด็กหยุดการเจริญเติบโต" หมอพูดเบาๆ "ตอนนี้มีทางเลือกอยู่สองทาง คือ รอให้ออกมาเองหรือว่าจะขูดมดลูกตอนนี้เพื่อความสบายใจไม่ต้องกังวลกับผลที่ต ามมา" ณ.เวลานั้นผมเริ่มรู้สึกหายใจขัด ผมเหลือบไปมองเห็นภรรยาน้ำตาคลอเบ้า อยู่บนเตียงตรวจ
เรากลับบ้านไม่ได้พูดอะไรกันตลอดทาง เมื่อกลับมาถึงความเงียบก็ครอบงำเราอีกครั้ง ไม่นานนักจึงได้ระบายความในใจของทั้งคู่ออกมาด้วยน้ำตา
MrsJan
22 เม.ย. 49
22 เมษายน 2549
20 เมษายน 2549
เรื่องหักมุมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเพลง (Artist and Capitalism)

ในขณะที่มีการฟ้องร้ องคดีความกันอยู่ระหว่าง RIAA (Recording Industry Association of America) กับ Napster (โปรแกรมแลกเปลี่ยน file mp3 แบบ P2P เจ้าแรกๆ) ซึ่งทางฝ่าย Napster ให้เหตุผลว่า การแลกเปลี่ยน file กันในลักษณะนี้ เป็นเสมือนกับการช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ทำให้ยอดขายเพลงของศิลปินเพิ่มขึ้น
ได้มีการตั้งข้อสังเกตกันว่าในระ หว่างนั้น อัลบั้ม Kid A ของ Radiohead คงไม่สามารถขึ้นอันดับ 1 Billboard ได้ ถ้าเพลงในอัลบั้มไม่หลุดออกมาให้โหลดใน Napster ก่อนอัลบั้มออกจริง 3 เดือน ซึ่งอัลบั้มก่อนหน้านี้ OK Computer ซึ่งดังมากๆ ในทั่วโลก ขึ้นได้เพียงอันดับ 21 ของ Billboard เท่านั้น และ ที่สำคัญ อัลบั้ม Kid A ที่ว่าไม่น่าจะขึ้นอับดับ 1 ได้ง่ายสักเท่าไร เพราะชุดนี้ทำออกมาเอาแต่ใจตัวเอง (ก็คือไม่เอาใจตลาดนั่นแหละ) และเป็นแนวทดลองเอามากๆ
เหตุบังเอิญว่าวง Offspring ต้องการจะทำแบบเดียวกันคือเอาเพลงในอัลบั้มมาให้ Download ฟรีๆ แต่โดนทาง Sony แบนข้อเสนอนี้
ท ำให้คิดกันต่อไปว่า พวกค่ายใหญ่อาจไม่กลัวการเผยแพร่ฟรีๆ แล้วจะไปทำให้ยอดขายลดลงอย่างที่ว่าก็เป็นได้ แต่เป็นเพราะว่ากลัวยอดขายตัวเองจะเพิ่มขึ้นแล้วอาจทำให้แพ้คดีความ แถมยังเป็นกรณีศึกษาให้เหล่าบรรดาศิลปินออกมาทำกันบ้างโดยไม่จำเป็นต้องแอบ อิงค่ายใหญ่ ในการเผยแพร่ผลงานของตนเสมอไป
ข้อมูลอ้างอิงจาก
นิตยสาร Question Mark ฉบับที่ 6
MrsJan
20 เม.ย. 49
19 เมษายน 2549
Bluetooh USB Dongle ภาค 1

ผมจะแบ่งการใช้งาน 2 ส่วน คือ ส่วนที่ใช้ต่อ net กับส่วนที่ไว้ส่ง file กับมือถือ
//สั่ง start bluetooh service ก่อน
$ sudo /etc/init.d/bluez-utils start
//ค้นหา Remote Device ผมใช้ Sony Ericsson T630 จะได้หมายเลข device และชื่อที่ตั้งในมือถือมา
$ hcitool scan
Scanning ...
00:0E:07:56:92:5D T630
// หลังจากนั้นไปเปิด bluetooth ที่มือถือ เรียก New Device มันจะทำการค้นหา พอเจอแล้วมันจะให้ใส่ pin ผมไม่รู้ว่าเคยตั้งเอาไว้ตอนไหน ถ้าจำไม่ได้เหมือนผมก็สามารถเข้าไปดูเบอร์ pin ได้ที่
$ cat /etc/bluetooth/pin
1. สำหรับการใช้ต่อ Net กับมือถือผ่าน GPRS คำสั่งเหล่านี้ต้องมี bluez-utils กับ bluez-pin ซะก่อนแต่ผมไม่ได้ลงเลยมันติดมาอยู่แล้ว
$ mknod /dev/rfcomm0 c 216 0
//สั่ง bind address ของ มือถือ หรือ modem
$ sudo rfcomm bind /dev/rfcomm0 00:0E:07:56:92:5D 1
//หมุน modem โทรศัพท์มือถือ
$ sudo pppd connect '/usr/sbin/chat -v ABORT "NO CARRIER" "" "AT&F" OK "AT+CGDCONT=1,\"IP\",\"INTERNET\",\"0.0.0.0\",0,0" OK "ATDT*99***1#" CONNECT' disconnect '/usr/sbin/chat -v ABORT "BUSY" "" "\K" "" "+++ATH"' /dev/rfcomm0 defaultroute noauth asyncmap 0 mtu 1500 mru 1500 noipdefault idle 600
* หลังจากคำสั่งนี้ มันก็จัดการต่อ gprs ในมือถือให้เรียบร้อย ตั้ง default gateway ที่ ppp0 ให้เรียบร้อยด้วย ถ้ายังออก net ไม่ได้ อาจต้องใส่ dns ก่อน ใน /etc/resolv.conf ให้ใส่ nameserver 203.146.237.237 ผมใช้ dns ตัวนี้ เอามาจากไหนจำไม่ได้แล้ว โทรศัพท์ที่ใช้ orange true move ปัญหาของตัวนี้คือผม ต่อไปได้ 2 นาทีก็ตัด ไว้ลอง option อื่นๆ ต่อได้แล้วจะเขียนต่อ
2. สำหรับการรับส่ง file กับมือถือ ผมใช้ gnome-bluetooth อันนี้ต้องลงโปรแกรมก่อนจึงจะใช้ได้
//การส่ง file ลองส่งรูปดู หลังจากนั้นก็กดรับที่เครื่อง file ก็จะส่งไปเรียบร้อย
$ gnome-obex-send -d 00:0E:07:56:92:5D Picture.jpg
//การรับ file ให้เปิด bluetooh file sharing แล้วจะปรากฏ icon สีฟ้าที่ task หมายความว่าพร้อมรับ file แล้ว
$ gnome-obex-server &
//ทีนี้ลองส่ง file ดู มันจะรับ file มาเก็บไว้ที่ home ของตัวเองเลย พอเอาลงเครื่องมันไม่ยักกะถาม confirm ก่อนแฮะ
อันนี้เป็นเบื้องต้นคิดว่ายังมี option อีกเพียบ แต่ตอนนี้อยากใช้แค่ไหนก็เล่นเท่านั้นครับ
MrsJan
19 เม.ย. 49
18 เมษายน 2549
วัน (ลา) หยุดยาวหมดลงแล้ว

ช่วงสงกรานต์ (ลา) หยุดยาว นั่งทำงานนอก ท่ามกลางความร้อนระอุและเสียงดนตรีเขย่าประสาท บวก Effect วิ๊ดว้าย ทุกๆ นาที งานที่ว่านั้นเป็นงาน Flash Presentation ตอนแรกก็ลองทำโดยใช้ OpenOffice Impress ดูก่อน เจ้า OpenOffice ตอนนี้ขึ้น Version 2 แล้ว ดูดีสวยงาม น่าใช้มากๆ ดูมาตรฐานกว่าเดิมเยอะ เหมาะมากแล้วเวลานี้ที่จะเปลี่ยนมาใช้แทน Ms. Office ส่วนข้อเสียที่ยังสู้ Ms. Office ไม่ได้ คือกิน Resource แต่ Hardware สมัยนี้แรงมากแล้ว ซื้อเครื่องใหม่ๆ มาตอนนี้ก็น่าจะใช้ได้ดีไม่มีปัญหา
งานที่ใช้ OpenOffice Impress ก็ใช้งานตอบสนองได้ดี แต่ติดตรงที่ว่า ถ้าต้องการ Animation เคลื่อนไหวต้องเปิดด้วยตัว Impress ของมันเองเท่านั้น ทำให้ไม่เหมาะถ้างานนี้จะต้องเอาไปฝากไว้กับคนที่ไม่มีความรู้เรื่อง Computer เลย เพราะชิ้นงานต้องเอาไปไว้ที่ห้องจัดแสดงพิพิธพัณฑ์เชียงราย ซึ่งง่ายๆ ควรจะเป็น .exe ตั้งไว้ที่ start up ของเครื่อง ให้เปิดแล้วขึ้นเลย ไม่ต้องทำอะไรมาก ฉะนั้น OpenOffice Impress ก็เลยตกไป
จริงๆ กะว่าจะหนีทำ Flash เพราะ อันดับแรก ไม่ชอบมันด้วยการที่มันไม่ใช่ Open Source และต้องใช้งานบน Windows เท่านั้น ส่วนอีกข้อ คือ พอเปิดดูแล้วเห็นตัว Timeline แล้วมันมึนๆ ขี้เกียจศึกษาว่ะ มีกลมๆ ทึบบ้าง กลวงบ้าง สี่เหลี่ยมกลวง เหลี่ยมว่างๆ เลื่อนไปมาได้ แล้วมี Symbol อีก อะไรก็ไม่รู้
สุดท้ายหนีไม่พ้นเลยกลับมาที่เดิม ตอนนี้ทำไปได้ส่วนนึงแล้ว ก็พอรู้โครงสร้างของ Flash บ้างแล้วว่าเป็นอย่างไร ขจัดโรคมึน Timeline ไปได้ แค่นี้ก็ถือว่าบรรลุจุดประสงค์ในการมาจับงาน Flash แล้ว
หมดงานนี้จะ เรียนรู้ Flash ในระดับสูงต่อไปก็คงจะไม่ทำต่อแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าไว้อย่างแรกเป็นหลัก ด้วยเหตุผลที่ว่า มันไม่น่าจะใช่การพัฒนาที่ยั่งยืนสักเท่าไร
* จากรูปแสดงตัวอย่าง OpenOffice Impress
หากสนใจอ่านต่อได้ที่ OpenOffice.org
MrsJan
18 เม.ย. 49
16 เมษายน 2549
เทศกาลคลายร้อนกับโลกร้อน (Thai new year festival)
สำหรับที่เชียงรายนี้ สงครามได้ก่อตัวขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ร้อนๆ อย่างนี้ เหมาะนักแล สำหรับเทศกาลสงกรานต์ สาดกระหน่ำ ปีนี้อากาศร้อนเหลือเชื่อจริงๆ ห้องที่อยู่ไม่มีระบายซะด้วย ร้อนตับแตกจริงๆ ต้องออกมาปูเสื่อนั่งทำงานหน้าห้อง ทำกับข้าวหน้าห้อง กินหน้าห้อง นอนหน้าห้อง ตกดึกค่อยยังชั่วเข้าห้องนอนเตียงได้
โลกร้อนขึ้นทุกปีๆ แบบนี้ ตัวเองจะได้แก่ตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ปัญหาจากความร้อนแบบบ้าคลั่งขนาดนี้ ตัวการใหญ่ๆ ก็คือมนุษย์ทั้งหลาย ที่ช่วยกันปล่อยสารพิษทำลายชั้นบรรยากาศกันอยู่ทุกวินาที ลองมองย้อนกลับไปที่ตัวมนุษย์อีกว่า อะไรทำให้มนุษย์โลกต้องช่วยกันยำโลกกันถึงขนาดนี้ เหตุผลนิดเดียวสำหรับมนุษย์จำพวกนั้น คือ ต้องการที่อยู่ในสังคมแคบๆ ที่ที่ผู้คนแย่งกันเข้าไป เพื่อไต่บรรไดชนชั้นขึ้นไปยืนในจุดสูงๆ ที่อาจจะทำให้ตัวเองหายใจได้สะดวกกว่าที่เป็นอยู่ โดยไม่สนใจว่าโลกที่อาศัยกันอยู่นี้นั้นเป็นของมนุษย์ทุกๆ คน
อันที่จริงแม้แต่ตัวผมเองก็มีส่วนทำลายโลกนี้ไปไม่น้อย ถึงแม้จะพยายามลดการใช้ขยะมีพิษไปได้บ้าง เช่น ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติค แต่เอาเข้าจริงๆ พอมองไปรอบตัว "เฮ้ย นี่มันขยะมีพิษทั้งนั้นเลยนี่หว่า" หรือว่ามันจะเป็นชะตากรรมของโลกสีเขียวใบนี้กันหนอ
MrsJan
16 เม.ย. 49
โลกร้อนขึ้นทุกปีๆ แบบนี้ ตัวเองจะได้แก่ตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ปัญหาจากความร้อนแบบบ้าคลั่งขนาดนี้ ตัวการใหญ่ๆ ก็คือมนุษย์ทั้งหลาย ที่ช่วยกันปล่อยสารพิษทำลายชั้นบรรยากาศกันอยู่ทุกวินาที ลองมองย้อนกลับไปที่ตัวมนุษย์อีกว่า อะไรทำให้มนุษย์โลกต้องช่วยกันยำโลกกันถึงขนาดนี้ เหตุผลนิดเดียวสำหรับมนุษย์จำพวกนั้น คือ ต้องการที่อยู่ในสังคมแคบๆ ที่ที่ผู้คนแย่งกันเข้าไป เพื่อไต่บรรไดชนชั้นขึ้นไปยืนในจุดสูงๆ ที่อาจจะทำให้ตัวเองหายใจได้สะดวกกว่าที่เป็นอยู่ โดยไม่สนใจว่าโลกที่อาศัยกันอยู่นี้นั้นเป็นของมนุษย์ทุกๆ คน
อันที่จริงแม้แต่ตัวผมเองก็มีส่วนทำลายโลกนี้ไปไม่น้อย ถึงแม้จะพยายามลดการใช้ขยะมีพิษไปได้บ้าง เช่น ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติค แต่เอาเข้าจริงๆ พอมองไปรอบตัว "เฮ้ย นี่มันขยะมีพิษทั้งนั้นเลยนี่หว่า" หรือว่ามันจะเป็นชะตากรรมของโลกสีเขียวใบนี้กันหนอ
MrsJan
16 เม.ย. 49
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)